Fitbit Luxe สายรัดข้อมือดิจิทัลเพื่อติดตามสุขภาพรุ่นใหม่ ที่มีขนาดเล็กเน้นสวมใส่สบาย และเข้ากันได้กับทุกแฟชั่นการแต่งกาย โดยยังคงให้ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการความเครียด ติดตามกิจกรรมประจำวัน หรือแม้แต่ติดตามการนอนหลับ อีกทั้งยังสามารถติดตามการว่ายน้ำได้ และให้อายุการใช้งานยาวนาน จึงไม่ต้องชาร์จบ่อย
สเปก Fitbit Luxe
- จอแสดงผล AMOLED ระบบสัมผัส ความละเอียด 124 x 206 พิกเซล ขนาด 0.76 นิ้ว
- กันน้ำ 50 เมตร พร้อมฟีเจอร์ติดตามการว่ายน้ำในสระ
- ติดตามการออกกำลังกายได้ 20 ประเภท
- อัตราการเต้นของหัวใจทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
- ระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2)
- ติดตามจำนวนก้าวเท้าตลอดทั้งวัน รวมถึงระยะทาง และแคลอรีที่ถูกเผาผลาญ
- ตรวจจับความเร็วและระยะทางแบบเรียลไทม์ เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนที่มี GPS
- ติดตามสุขภาพสำหรับผู้หญิง ใช้งานร่วมกับแอป Fitbit
- ติดตามความเครียด, ฝึกการหายใจ, ติดตามการนอนหลับ
- นาฬิกาจับเวลา, นาฬิกาปลุกแบบเงียบ (ใช้มอเตอร์สั่นสะเทือน)
- เซ็นเซอร์ 3-axis accelerometer, Optical heart rate monitor, Red and infrared sensors (สำหรับวัดค่า SpO2)
- การเชื่อมต่อ Bluetooth ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ iOS 13.3 หรือใหม่กว่า และ Android 8.0 หรือใหม่กว่า
- รองรับ Google Fast Pair ช่วยจับคู่กับอุปกรณ์ Android ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
- แบตเตอรี่ Lithium-polymer ให้อายุการใช้งาน นานสูงสุด 5 วัน
- ขนาด 36.30 x 17.62 x 10.05 มิลลิเมตร (ไม่รวมสาย)
แกะกล่อง Fitbit Luxe
Fitbit Luxe ที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิวเป็นสี Platinum Stainless Steel มากับสายสี Orchid ถูกเก็บอยู่ในกล่องสีชมพู ขณะที่สี Soft Gold Stainless Steel (สาย Lunar White) และ Graphite Stainless Steel (สาย Black) ก็จะมีสีกล่องแตกต่างกันไป แต่หน้ากล่องจะพิมพ์รูปภาพ Fitbit Luxe ให้เห็นอย่างชัดเจน และหลังกล่องมีการระบุจุดเด่นมาให้ด้วย
ภายในกล่องมาพร้อม Fitbit Luxe สีเงิน Platinum Stainless Steel ที่ติดสายรัดมาให้แล้ว ซึ่งเป็นสายสีชมพู Orchid และยังแถมสายมาให้อีกขนาด โดยขนาดเล็กมีความยาว 140 – 180 มิลลิเมตร ส่วนขนาดใหญ่มีความยาว 180 – 220 มิลลิเมตร
ในกล่องแถมสายชาร์จแบบแม่เหล็กมาให้ด้วย ปลายสายเป็น USB แต่ไม่มี Power Adapter มาให้ซึ่งปกติอุปกรณ์ติดตามสุขภาพก็มักจะไม่แถมให้อยู่แล้ว ชั้นล่างสุดเป็นที่เก็บคู่มือ Quick Start Guide และ ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ดีไซน์ที่เข้ากับทุกแฟชั่น
Fitbit Luxe ได้รับการออกแบบให้เป็นเหมือนกำไลข้อมือที่สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาสสำหรับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน สามารถถอดเปลี่ยนสายได้ง่ายด้วยมือเปล่า ไม่ต้องใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือพิเศษ โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สี Platinum Stainless Steel มากับสายสี Orchid ซึ่งเป็นสีที่ทีมงาน @Flashfly ได้รับมารีวิว และยังมีสี Soft Gold Stainless Steel (สาย Lunar White) กับ Graphite Stainless Steel (สาย Black) อีกทั้งยังมีรุ่นพิเศษที่ Fitbit จับมือกับแบรนด์เครื่องประดับ gorjana มาให้สีทอง Soft Gold Stainless Steel พร้อมสาย Parker Link Bracelet
ด้านหน้าของ Fitbit Luxe มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ฝังในตัวบอดี้ที่ผลิตจากสแตนเลสสตีล ให้ความหรูหราและทนทานกว่าวัสดุอะลูมิเนียม ส่วนหน้าจอเป็นระบบสัมผัส สามารถควบคุมด้วยปลายนิ้วได้อย่างแม่นยำ
ด้านข้างของตัว Fitness Tracker มีความบาง 10.05 มิลลิเมตร ไม่มีปุ่มควบคุมใดๆ จึงรองรับการควบคุมผ่านจอสัมผัสเท่านั้น
สามารถเปลี่ยนหน้าปัดตามใจมีเลือกมากมายที่แอพ Fitbit บนสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อ
ด้านหลังมีเซ็นเซอร์สหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือด อีกทั้งยังมีหมุดแม่เหล็กสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่
Fitbit Luxe รุ่นมาตรฐาน มาพร้อมสายซิลิโคน 2 ขนาด (ขนาดเล็กมีความยาว 140 – 180 มิลลิเมตร และขนาดใหญ่มีความยาว 180 – 220 มิลลิเมตร) ใช้สลักในการล็อคกับตัว Fitness Tracker จึงสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายด้วยมือเปล่า ส่วนการล็อคกับข้อมือเป็นแบบหัวเข็มขัดเหมือนสายนาฬิกาข้อมือ นอกจากนี้ Fitbit ยังมีสายรัดสำหรับ Fitbit Luxe ให้เลือกเปลี่ยนได้หลายแบบ เพื่อให้เข้ากับแฟชั่นเครื่องแต่งกายในแต่ละโอกาส รวมถึงสายแบบ Parker Link Bracelet จาก gorjana ก็สามารถหาซื้อมาเปลี่ยนได้เช่นกัน
ใช้ Fitbit Luxe ช่วยรับสายไปยังสมาร์ทโฟนหรือวางสายได้ ขณะออกกำลังกาย รวมถึงรองรับการแจ้งเตือนต่างๆบนสมาร์ทโฟนมาที่ข้อมือขณะสวมใส่อีกด้วย
Stress Management Score
Fitbit พบว่าหลังจากเกิดการระบาดครั้งใหญ่ของ COVID-19 ทำให้ผู้คนทั่วโลกมีความเครียดเพิ่มขึ้นถึง 50% ดังนั้น การมีอุปกรณ์ที่สามารถบริหารความเครียดของผู้สวมใส่ได้ จึงเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญที่ควรมีใน Fitness Tracker และแน่นอนว่าสามารถพบได้ใน Fitbit Luxe
Fitbit Luxe อาศัยการวิเคราะห์ระดับกิจกรรม การนอนหลับ และอัตราการเต้นของหัวใจ มาประเมินระดับความเครียดของร่างกายแบบรายวัน และให้คะแนน Stress Management Score จาก 1 ถึง 100
และถ้าเจ้าของ Fitbit Luxe ใช้บริการ Fitbit Premium จะสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของ Stress Management Score เพื่อวัดผลกระทบต่อร่างกายที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นวิเคราะห์ลักษณะการนอนหลับ โดยชี้ให้เห็นว่าการนอนดึกหรืออดนอน จะส่งผลกับความสามารถรับความเครียดของร่างกายอย่างไร รวมไปถึงตรวจการตอบสนองของระบบประสาทอัตโนมัติ โดยใช้ข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจ
Health Metrics Dashboard
Health Metrics Dashboard ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถทำความเข้าใจค่าพื้นฐานด้านสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น และเห็นสัญญาณเตือนเกี่ยวกับความเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบอัตราการหายใจ ค่าความผันแปรของอัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการเต้นของหัวใจในขณะพัก ความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิบนผิวหนัง และระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ได้อย่างง่ายดาย
สำหรับเจ้าของ Fitbit Luxe ที่ใช้บริการ Fitbit Premium ยังสามารถติดตาม ประเมินร่างกาย และปัญหาสุขภาพที่อาจกิดขึ้นได้ในแต่ละเดือน พร้อมแจ้งเตือนเมื่อค่าใดค่าหนึ่งของผู้สวมใส่มีค่าผิดเพี้ยนไป
Sleep Score
Sleep Score เป็นการให้คะแนนด้านการนอนหลับ โดยจะแสดงคุณภาพการนอนหลับในแต่ละคืนได้อย่างชัดเจน และสามารถแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเข้านอน เพื่อช่วยฝึกให้ผู้สวมใส่เข้านอนตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับสมาชิก Fitbit Premium จะสามารถเข้าถึงการวิเคราะห์การนอนหลับเชิงลึกได้ เพื่อให้ผู้ใช้งานมีแนวปฏิบัติที่เหมาะกับตนมากขึ้น ตามลักษณะการนอนหลับของแต่ละบุคคล
Active Zone Minutes
ฟีเจอร์ Active Zone Minutes เป็นตัวช่วยให้ผู้ใช้งานปรับเปลี่ยนความหนักเบาของการออกกำลังกายได้ โดยวัดจากกิจกรรมส่วนบุคคลที่นอกเหนือจากการก้าวเดิน สามารถวัดระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละระดับของอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานวัดกิจกรรมระดับปานกลางและหนัก เพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายระยะเวลา 150 นาที ของการออกกำลังกาย
อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Reminders to Move ช่วยกระตุ้นให้ผู้สวมใส่บรรลุเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น โดยคอยเตือนให้ผู้ใช้งานลุกขึ้นทำกิจกรรมและลดระยะเวลาที่อยู่นิ่ง และยังสามารถรับคำท้าและเล่นเกม เพื่อการออกกำลังกับ Fitbit Premium เพื่อจะได้สนุกกับการบรรลุเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
Heart Rate Monitor
ระบบตรวจอัตราการเต้นของหัวใจของ Fitbit Luxe สามารถติดตามอัตราการเต้นของหัวใจในปัจจุบันและวัดการเผาผลาญพลังงานได้ตลอดเวลา ผู้สวมใส่สามารถเลือกประเภทการออกกำลังกายได้ถึง 20 ประเภท ไม่ว่าจะเป็น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน เทนนิส กอล์ฟ และ ออกกำลังกายทั่วไป
สำหรับผู้ใช้งานที่ชอบวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง สามารถเลือกประเภทของการออกกำลังกายที่ทำงานสัมพันธ์กับระบบ GPS บนสมาร์ทโฟน เพื่อตรวจจับข้อมูลความเร็วและระยะทางขณะออกกำลังกาย นอกจากนี้ สมาชิก Fitbit Premium จะได้รับคอนเทนต์ให้คำแนะนำการออกกำลังกายในรูปแบบภาพและเสียงกว่า 200 รายการ ซึ่งคอนเทนต์เหล่านี้ผลิตโดยเทรนเนอร์ที่มีใบอนุญาตและแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่าง Aaptiv, barre3, Daily Burn, obé และ POPSUGAR
สรุปราคาและการวางจำหน่าย
Fitbit Luxe เป็นกำไลดิจิทัลที่ผสมผสานความเป็นแฟชั่นอย่างลงตัว ไม่เพียงแต่ช่วยให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น สุขภาพแข็งแรงขึ้น แต่ยังมีดีไซน์ที่สวยงาม เพรียวบาง น้ำหนักเบา สามารถเปลี่ยนสายให้เข้ากับเสื้อผ้าได้ทุกสไตล์ นอกเหนือจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่ครบครัน ทั้งวัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดระดับออกซิเจนในเลือด ติดตามการทำกิจกรรมในแต่ละวัน รองรับการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน กันน้ำได้ถึง 50 เมตร สามารถติดตามการว่ายน้ำในสระได้ และยังให้อายุการใช้งานยาวนานถึง 5 วัน
Fitbit Luxe มีวางจำหน่ายแล้วในราคา 4,990 บาท สำหรับรุ่นมาตรฐาน ส่วนรุ่นพิเศษที่ร่วมออกแบบกับ gorjana มาในราคา 7,659 บาท ทั้งนี้ เจ้าของ Fitbit Luxe ยังได้รับสิทธิ์เป็นสมาชิก Fitbit Premium ฟรี!! นาน 6 เดือน (ปกติคิดค่าบริการ 300 บาทต่อเดือน หรือ 2,500 บาทต่อปี)