หากพูดถึงกีฬาอเมริกันเกมส์ เกม All-Star หรือเกมรวมดาราประจำลีกได้รับความสนใจจากแฟนๆอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นลีกบาสเกตบอล NBA หรือลีกเบสบอล MLB ทุกครั้งที่มีการแข่งขันเกิดขึ้นก็จะมีเรื่องราวให้แฟนได้จับตาและบอกเล่าอยู่เสมอ
แต่ไม่ใช่กับเกมรวมดาราของลีกอเมริกันฟุตบอล NFL ที่มีเกม All-Star เป็นของตัวเองในชื่อ Pro Bowl ที่นับวันผ่านไปจะยิ่งโดนก่นด่าจากแฟนๆไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งเรื่องคุณภาพของเกมและการเป็นเกมรวมดาราแบบจอมปลอม
ครั้งหนึ่งเกม Pro Bowl คือเกมยอดนิยมของคนรักอเมริกันฟุตบอล แต่จากวันนั้น เกมนี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นความอับอายของกีฬาชนิดนี้ได้อย่างไร? ติดตามไปพร้อมกับ Main Stand ได้ที่นี่
ที่มาของเกม Pro Bowl
เกม Pro Bowl หรือเกมรวมดาราของลีกอเมริกันฟุตบอล อย่าง NFL ถือเป็นหนึ่งในเกมรวมดาราที่เก่าแก่ในประวัติศาสตร์กีฬาโลก หลังมีการจัดการแข่งขันขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ฤดูกาล 1938 แม้ว่าเกมการแข่งขันจริงๆจะเกิดขึ้นในปี 1939 ในวันที่ 15 มกราคม ภายใต้ชื่อ NFL All-Star ซึ่งจะจัดการแข่งขันหลังจากฤดูกาลปกติจบลง
แม้ว่าในตอนนั้นเกมอเมริกันฟุตบอลจะยังไม่ใช่กีฬายอดนิยมอันดับ 1 แต่อิทธิพลของเกมออลสตาร์เบสบอลจากลีก MLB ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1933 ทำให้ลีกอเมริกันฟุตบอลเลือกเดินหน้าทำตามบ้าง
เกมออลสตาร์ของ NFL ดึงความสนใจของแฟนกีฬาได้เป็นอย่างมากด้วยแนวทางที่ต่างออกไป อย่างไรก็ตามในปี 1943 คือครั้งสุดท้ายที่เกมถูกจัดขึ้น เพราะหลังจากสหรัฐอเมริกาตัดสินใจกระโดดเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเต็มตัว ทำให้การแข่งขันถูกยกเลิกไป เนื่องจากนักกีฬาหลายคนต้องวางหมวกกันน็อกแล้วไปรับใช้ชาติกันก่อน
กว่าจะกลับมาแข่งขันอีกทีต้องรอถึงฤดูกาล 1950 ซึ่ง NFL เปลี่ยนชื่อเกมการแข่งขันจาก ออลสตาร์ เป็น โปร โบวล์ พร้อมกับเปลี่ยนการแข่งขันจากทีมออลสตาร์เจอกับทีมแชมป์ประจำฤดูกาล ให้กลายเป็นเกมแข่งขันทีมรวมดาราระหว่างสองสาย นั่นคือ National กับ American
เสน่ห์ของเกม Pro Bowl ในอดีตไม่ใช่แค่เกมการแข่งขันที่เต็มไปด้วยผู้เล่นฝีมือเยี่ยมเพียงอย่างเดียว แต่สถานที่จัดการแข่งขันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเช่นเดียวกัน
ในช่วงปี 1951–1972 เกมการแข่งขันจะจัดขึ้นที่เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนที่ในปี 1979 จนถึงปี 2013 จะย้ายไปแข่งขันเป็นประจำที่เกาะฮาวาย ซึ่งทั้งสองสถานที่ถือเป็นเมืองแห่งการพักผ่อนและท่องเที่ยว ดังนั้นจึงกลายเป็นเกมที่ดึงดูดทั้งตัวนักกีฬาและแฟนกีฬาให้ไปใช้เวลากับเกมการแข่งขัน Pro Bowl
ทำให้เหล่านักอเมริกันฟุตบอลเดินทางไปร่วมการแข่งขัน Pro Bowl กันอย่างคับคั่งในอดีต บวกกับการเป็นเกมสุดท้ายทำให้นักกีฬาลงสนามแข่งขันกันอย่างเต็มที่ และแฟนๆก็ชอบที่จะเดินทางไปชมเกมนี้ เพราะจะได้เห็นผู้เล่นดาวดังอัดแน่นกันเต็มไปหมด
เกมกระชับมิตรที่แฟนไม่ต้องการ
ในช่วงแรกเกมนี้ก็สร้างความสนุกตื่นตาตื่นใจให้แฟนๆเป็นอย่างดี ผู้คนจะตื่นเต้นที่ได้ไปดูการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลที่ฮาวาย นักฟุตบอลก็ดีใจที่ได้ไปเล่นเกมส่งท้ายของฤดูกาลในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย แถมได้ท่องเที่ยวไปในตัว จนความนิยมของเกม Pro Bowl เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรตติ้งทางโทรทัศน์
เพราะด้วยบรรยากาศที่เป็นใจกับการพักผ่อนของเกาะฮาวาย ทำให้นักกีฬาเริ่มที่จะเล่นเกม Pro Bowl กันแบบไม่จริงจัง เพราะในทางทฤษฎี ฤดูกาลการแข่งขัน NFL ของพวกเขาจบลงไปเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาก็ควรจะใช้โอกาสนี้ในการพักผ่อนจากการเล่นเกมคนชนคนที่หนักหน่วงมาตลอด ไม่ใช่มาหาเรื่องเจ็บตัวเพิ่มอีกหนึ่งเกม
ความตั้งใจในการเล่นเกม Pro Bowl ของนักอเมริกันฟุตบอลจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะจังหวะการเข้าปะทะในเกมที่ดูไม่จริงจังเอาเสียเลย ซึ่งทำให้แฟนอเมริกันฟุตบอลส่วนใหญ่ไม่ค่อยพอใจนัก เพราะใครๆที่รักกีฬานี้อยากเห็นการเล่นที่ทุ่มเทสุดกำลังเพื่อเอาระยะไปทำแต้ม แม้จะแค่หลาเดียวก็ตาม
เพราะความแตกต่างจากเบสบอลหรือบาสเกตบอลคือ กีฬาอเมริกันฟุตบอลนั้นหนักหน่วงและทำร้ายร่างกายกันมากกว่าเป็นหลายเท่า ด้วยดีกรีที่อาจส่งผลเสียหายต่อร่างกายยิ่งกว่านักมวยเสียอีก ทำให้ทางลีกก็เห็นชอบเช่นกันที่จะไม่ให้นักกีฬาของลีกต้องมาเจ็บตัวเพิ่ม แม้ว่าจะเป็นแค่เกมนัดเดียว
NFL จึงออกกฎใหม่ที่ต่างจากเกมปกติทั่วไปสำหรับเกม Pro Bowl โดยเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เพื่อป้องกันการปะทะระหว่างเกม เช่น ควอเตอร์แบ็คสามารถโยนบอลทิ้งได้โดยไม่เสียโทษในการแข่งขัน (Intentional Grounding) หรือออกกฎให้ผู้เล่นเกมรับวิ่งเข้าไปกดดันผู้เล่นตำแหน่งควอเตอร์แบ็คในระหว่างที่เพลย์เริ่มได้เฉพาะตำแหน่งในดีเฟนซีฟ ไลน์ เท่านั้น จากเดิมที่ใครจะวิ่งเข้าไปกดดันก็ได้
ยิ่งเวลาผ่านไป ความนิยมของเกม Pro Bowl ยิ่งตกลงเรื่อยๆ ความสนใจของเกมออลสตาร์ของลีก NFL แตกต่างจากความตื่นเต้นของเกมรวมดาราในฝั่งบาสเกตบอล NBA โดยสิ้นเชิง ไม่มีการเปิดตัวอะไรใหม่ๆไม่มีเรื่องราวอันเป็นที่เล่าขานให้แฟนรุ่นหลังได้จดจำ
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ความนิยมของ Pro Bowl ลดลงจากอดีต นั่นคือการเลือกผู้เล่นเข้าร่วมแข่งขัน โดยแต่เดิมคนที่จะมาแข่งขันใน Pro Bowl จะได้รับการเลือกจากมือของผู้เล่นและโค้ชในลีกเท่านั้น ทำให้นักอเมริกันฟุตบอลที่ได้เล่นในแต่ละปีถูกคัดมาระดับหนึ่งจากเพื่อนร่วมงานว่าเป็นของจริงไหม
การเอาแฟนกีฬามาเข้าร่วมโหวตผู้เล่นที่มีสิทธิ์เข้าแข่งขันใน Pro Bowl ส่งผลเสียกับภาพรวมของการแข่งขันมากยิ่งกว่าเดิม เพราะมันทำให้คุณค่าของรางวัลจาก Pro Bowl ลดลง มันกลายเป็นรางวัลที่ใครก็จะได้รับหากมีชื่อเสียง จนปัจจุบันรางวัลที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณค่าจริงๆ เหลือเพียง All-Pro รางวัลที่ประกาศและลงคะแนนโดยกลุ่มสื่อของกีฬาอเมริกันฟุตบอลในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ยิ่งแก้ยิ่งพัง
NFL พยายามหาทางแก้ไขให้ Pro Bowl กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ด้วยการเปลี่ยนให้มันกลายเป็นเหมือนเทศกาลของกีฬาอเมริกันฟุตบอล มีการนำผู้เล่นมาทำกิจกรรมต่างๆ โชว์ความสามารถให้แฟนๆได้เห็น รวมไปถึงเป็นโอกาสที่แฟนๆจะได้ใกล้ชิดกับเหล่าซูเปอร์สตาร์ในดวงใจ
สำหรับแฟนบางส่วนมันก็ได้ผลดี เพราะบางคนก็อยากไปดูเกม Pro Bowl เพราะต้องการไปพักผ่อนท่องเที่ยวในยุคที่การแข่งขันยังจัดที่เกาะฮาวาย มันเป็นการได้ใกล้ชิดกับนักกีฬาที่พวกเขาชื่นชอบ ซึ่งไม่ได้หาโอกาสได้บ่อยนัก
อย่างไรก็ตาม สำหรับแฟนจำนวนมาก การเปลี่ยน Pro Bowl เป็นรูปแบบใหม่นี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่สามารถบินไปเข้าร่วมกิจกรรมได้ และพวกเขายังเป็นแฟนทางบ้านที่อยากนั่งดูอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ชมเกมการแข่งขันคุณภาพมากกว่า ซึ่งสำหรับการแข่งขัน Pro Bowl มันแทบจะไม่เกิดขึ้น
สุดท้ายการแข่งขัน Pro Bowl ก็มีเรตติ้งการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ตกตํ่าลงอย่างหนัก และก็นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกครั้งของเกมการแข่งขันรายการนี้
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาในการแข่งขันนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย และดูจะสร้างผลเสียให้เกมมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ข้อแรกคือการแข่งขันก่อนเกมซูเปอร์โบวล์ทำให้ผู้เล่นของทีมที่เข้าแข่งซูเปอร์โบวล์ไม่สามารถมาเข้าร่วมแข่งขันได้และต้องถอนตัวไปตามระเบียบ
ข้อต่อมาคือการแข่งขันเมื่อถูกเลื่อนมาแข่งก่อนเกมซูเปอร์โบวล์ เท่ากับว่าคนที่จะได้มาแข่งต้องหมดสิทธิ์เป็นแชมป์ประจำฤดูกาลเท่านั้น
การแข่งขันนี้จึงเปรียบเสมือนเกมศาลาคนเศร้าสำหรับคนอกหักที่ไม่ได้ไปเล่นซูเปอร์โบวล์ ซึ่งยอดนักกีฬาหลายคนก็ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมแข่งขัน เพราะบางคนก็เพิ่งตกรอบเกมเพลย์ออฟ อดไปเล่นเกมชิงแชมป์ และไม่มีอารมณ์จะมาเล่นเกมกระชับมิตรแบบซูเปอร์โบวล์
แม้ว่าทาง NFL จะเคยออกโรงขู่ผู้เล่นว่าถ้าไม่ตั้งใจเล่นในเกม Pro Bowl ก็จะไม่ให้ผู้เล่นคนนั้นเล่นอีกต่อไป แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเกมการแข่งขันนี้ก็ยังเป็นเกมกระชับมิตรอยู่เหมือนเดิม
ด้วยคุณภาพของเกมที่ตกลงไม่มีที่สิ้นสุด จนกลายเป็นเกมที่เล่นเอาขำขันเอาเสียงหัวเราะไปแล้ว และทำให้เสียงวิจารณ์เกมนี้หนาหูขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2021 ที่ไฮไลท์ของเกมมีแต่ช็อตขายขำโดยไม่ได้ขายคุณภาพเกม ซึ่งทำให้แฟนกีฬาบางส่วนหงุดหงิดกับเรื่องนี้มาก
“การดูเกม Pro Bowl นี่คือสุดยอดแห่งการเสียเวลาเลย ผมคิดว่าเราควรจะหยุดเสียเวลากับไอ้เกมห่วยๆแบบนี้สักที ผมไม่โทษนักกีฬานะที่พวกเขาจะเล่นไม่เต็มที่ เพราะมันมีอะไรที่คุ้มค่ากว่านี้ ทั้งเรื่องเงินและเรื่องสุขภาพ”
“เกม Pro Bowl คือความอับอาย ผมว่าพวกผู้เล่นก็รู้แหละ แต่ทำไงได้ล่ะ นี่คือจุดตกต่ำเลยนะ นึกว่าดูการฝึกซ้อมของทีมอยู่ซะอีก” แพต แม็คอาฟี อดีตผู้เล่นฝีปากกล้าที่ปัจจุบันผันตัวมาทำงานสื่อ วิจารณ์เกม Pro Bowl ครั้งล่าสุดอย่างเผ็ดร้อน
ปัจจุบันเกมการแข่งขัน Pro Bowl เหมือนจะไม่มีความหมายอะไรกับทั้งนักกีฬาและแฟนๆอีกต่อไปแล้ว แน่นอนว่าการได้มีชื่อติดทีมรวมดาราประจำฤดูกาลมีความหมายกับผู้เล่นในลีก NFL ทุกคนเสมอ แต่เกมที่ต้องแข่งขันจริงๆ อันเป็นจุดเริ่มต้นของเกียรติยศทั้งหมดทั้งมวลกลับไม่มีความหมายอีกต่อไป
สิ่งเดียวที่เกม Pro Bowl ยังคงมีประโยชน์ในตอนนี้ นั่นคือผลประโยชน์มหาศาลที่เข้าสู่ลีก NFL ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด รวมถึงรายได้จากการจัดกิจกรรมที่สุดท้ายก็ยังตอบโจทย์ในการสร้างกำไรให้กับลีกอยู่ดี
เหมือนความจริงหลายอย่างในลีกทุนนิยมที่เกียรติยศกินไม่ได้อีกต่อไป และเงินเท่านั้นที่มีความหมาย ตราบใดที่ Pro Bowl ยังคงสร้างรายได้ให้ NFL แฟนอเมริกันฟุตบอลก็ยังต้องทนชมเกมคุณภาพห่วยแบบนี้ต่อไปอีกนานโดยไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร เพราะสุดท้ายแล้วในโลกที่เงินเป็นใหญ่แบบนี้ อะไรก็ตามที่สร้างรายได้ให้กับนายทุนได้ก็ถือเป็นเรื่องดีทั้งนั้น
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.