Thailand Sport Magazine Sponsored

แค่เปิดโลกก็เปลี่ยน : การอ่านหนังสือช่วยให้นักกีฬาเล่นได้ดีขึ้นจริงหรือ ? – Sanook

Thailand Sport Magazine Sponsored
Thailand Sport Magazine Sponsored

เนื่องในโอกาสวันอ่านหนังสือ (Read a Book Day) ในวันที่ 6 กันยายนของทุกปีในสหรัฐอเมริกา เคยสงสัยกันไหมว่า นักกีฬาเขาอ่านหนังสือกันเยอะหรือไม่ ?​

แปลกแต่จริง นักกีฬาทั้งในวงการ NBA, MLB หรือ NFL ที่ประสบความสำเร็จส่วนมาก ต่างก็เป็นหนอนหนังสือตัวยงกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เลบรอน เจมส์ หนึ่งในยอดนักบาสเกตบอลแห่งทีม ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ที่ประสบความสำเร็จที่สุดแห่งยุค หรือ โทนี่ กอนซาเลซ อดีตนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลระดับ ฮอลล์ ออฟ เฟม ที่ขึ้นชื่อในเรื่องฝีมือจนปัจจุบันกลายเป็นนักวิเคราะห์รูปเกมให้กับช่องทีวี Fox Sports และ CBS Sports

นอกจากการฝึกพลังกายแล้ว การบริหารสมองด้วยการอ่านมีผลต่อการเล่นของพวกเขาหรือไม่ ?

หนังสือที่ดีสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้ ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ช่วยทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ที่สำคัญสำหรับนักกีฬาอาจมีผลต่อความคิด อันจะมีผลต่อการเล่น เป็นเรื่องทางจิตวิทยาที่หลายคนอาจมองข้ามไป 

Main Stand ขอชวนทุกคนไปค้นหาคำตอบด้วยกัน 

WHAT A GOOD BOOK CAN DO? 

การอ่านให้อะไร ?​ 

นี่คงเป็นคำถามที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง ไม่ว่าคุณจะเป็นนักอ่านหรือไม่ โดยทั่วไปหลายคนคงจะคิดว่าการอ่านเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและไม่น่าสนใจ ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะคนเราก็มีความชอบที่ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับบางคนก็อาจจะหาความสุขได้เป็นประจำจากการอ่านหนังสือหลาย ๆ ประเภท ไม่ว่าจะเป็น นิยาย เรื่องสั้น ชีวประวัติบุคคลสำคัญ ประวัติศาสตร์หรือเรื่องอิงประวัติศาสตร์ ฯลฯ

ความหลากหลายของหนังสือไม่ต่างอะไรจากหมวดภาพยนตร์ ดนตรี หรือวิดีโอเกม ถ้าหากถามว่า การอ่านให้อะไร คำตอบก็คงขึ้นอยู่ว่ากับว่า คุณอยากได้อะไรจากการอ่าน สิ่งที่หลายคนกำลังค้นหาจากหนังสือคงแตกต่างกันออกไป เด็กหาความสนุกจากหนังสือการ์ตูน วัยรุ่นหรือคนวัยทำงานหาความความเพลิดเพลินกับนิยายในช่วงที่อยากพักผ่อน นักธุรกิจกำลังค้นหาความสำเร็จ หลายคนมักจะได้อะไรกลับมาจากการอ่านเสมอ 

แต่ในที่นี้ คำถามที่สำคัญของเราคือ นักกีฬากำลังมองหาอะไร ?​ 


Photo : bostonglobe.com

โยกี้ เบอร์ร่า อดีตนักกีฬาเบสบอลอาชีพชาวอเมริกัน แคชเชอร์ระดับตำนานแห่งทีม นิวยอร์ก แยงกีส์ (1946-1963) และ นิวยอร์ก เม็ตส์ (1965) เคยกล่าวไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตว่า 

“90 เปอร์เซ็นต์ของการแข่งขันนั้นเป็นเรื่องของจิตวิทยาล้วน ๆ ที่เหลือเป็นเรื่องของร่างกาย”

หากยังนึกไม่ออกว่าการอ่านจะช่วยทำให้เล่นกีฬาได้ดีขึ้นอย่างไร ?​ ลองมาดูที่ตัวอย่างเหล่านี้กัน

A GOOD BOOK CAN HELP YOU FOCUS? 

นอกจากภาพลีลาการเล่นสุดหวือหวาในสนามของ เลบรอน เจมส์ ยอดนักบาสเกตบอลระดับตำนานที่ยังมีชีวิตของ ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ที่แฟน ๆ มักจะคุ้นภาพกันดีกับภาพของเขาขณะกำลังอ่านหนังสือที่ปรากฏออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่ายามที่มีภาพอ่านหนังสือ จะดูเหมือนว่าเขาเปิดอ่านเพียงแค่หน้าแรกเท่านั้น จนกลายเป็นมีมที่ล้อกันจนล้นอินเทอร์เน็ตก็ตาม 

ไม่ว่าชัวร์หรือมั่วนิ่ม เขาก็เลือกที่จะหยิบหนังสือติดตัวไปด้วยอยู่เสมอ จนทำให้เราอาจมองเห็นกรณีของเลบรอนเป็นตัวอย่างได้ว่า การอ่านหนังสือช่วยให้เขาเล่นกีฬาได้ดีขึ้นจริงหรือไม่ ? 


Photo : boston.cbslocal.com

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 สมัยที่เลบรอนยังเล่นให้กับทีม ไมอามี ฮีต ในช่วงการแข่งขันรอบเพลย์ออฟ ฤดูกาล 2011-12 เลบรอนมักจะอ่านหนังสือก่อนลงสนามอยู่เสมอ จากการรายงานของ เจฟฟ์ ซิลกิตต์​ นักข่าวประจำสำนักข่าว USA Today ของสหรัฐอเมริกา เลบรอนเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

“สำหรับผมแล้ว มันช่วยให้ผมผ่อนคลาย คุณต้องเตรียมตัวอย่างมากก่อนที่จะลงแข่งขัน บางครั้งคุณก็ต้องหลีกหนีจากตรงนี้ออกไปบ้างเล็กน้อย” 

“การอ่านช่วยให้ผมได้หนีออกไปจากตรงนี้ได้นิดหน่อย ผมสามารถตั้งสมาธิได้ เมื่อผมอ่านเสร็จผมก็จะได้ไปเตรียมตัวสำหรับการเแข่งขันต่อ” 

ไม่ว่าจะเป็นการช่วยในทางตรงหรือทางอ้อม แต่ปีนั้น เลบรอน และ ไมอามี ฮีต ก็คว้าแชมป์ NBA ไปครอง ด้วยการเอาชนะ โอกลาโฮมา ซิตี้ ธันเดอร์ ไป 4-1 เกม ทำให้เลบรอนคว้าแหวนแชมป์ NBA วงแรกในชีวิต

หลังจากที่ได้แชมป์ เขาก็ยังพูดถึงหนังสืออีกในการให้สัมภาษณ์กับ โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรทอล์กโชว์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกาในปีเดียวกัน


Photo : vibe.com

“ที่ผมอ่านหนังสือ ไม่ใช่แค่ผมต้องการจะทำอะไรที่ต่างออกไป แต่เพื่อเอาเรื่องการแข่งขันออกไปจากหัวบ้าง เพราะว่าในช่วงหลังฤดูกาล ทุกอย่างมันก็ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับเกม เกี่ยวกับการจับทีม การเปลี่ยนทีมที่คุณจะต้องไปเล่นด้วยหรือเมืองที่คุณจะต้องไปอยู่” 

“ผมต้องการช่วงเวลาเล็กน้อย ที่จะทำให้ผมสามารถมองเห็นมุมมองอื่นได้บ้าง อย่างการหนีออกไปจากตรงนี้”

สิ่งที่เลบรอนพูดในตอนนั้นค่อนข้างสอดคล้องกับชีวิตของเขา เพราะแม้ว่าตอนที่เขาเล่นให้ ไมอามี ฮีต จะเป็นช่วงเวลาที่พีคที่สุดในอาชีพของเขา แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่เลบรอนกำลังเผชิญกับมรสุมกระแสความเกลียดชังจากแฟน ๆ อย่างหนักหน่วง ตั้งแต่เขาย้ายออกมาจาก คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ทีมแห่งรัฐโอไฮโอ บ้านเกิด และเป็นทีมที่ดราฟต์เจ้าตัวมาในปี 2003 จนแฟน ๆ ทีมดังกล่าวรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง เสียงรอบตัวของเขา ณ เวลานั้นดังสนั่น ซึ่งมันก็คงดีกว่ามาก ถ้าหากเสียงเหล่านั้นไม่ใช่เสียงด่า 

เลบรอนต้องอาศัยสมาธิมากเป็นพิเศษ และการอ่านหนังสือก็ช่วยเขาได้ค่อนข้างมาก แม้แต่โค้ชของทีมอย่าง เอริค สโปลส์ตรา ยังคอยบอกให้คนอื่นในทีมพยายามหางานอดิเรกเหมือนกับเลบรอน เพื่อกำจัดสิ่งที่เรียกว่า “เสียงภายนอก” ออกไปให้ได้มากที่สุด การอ่านของเลบรอน ยังช่วยให้ คริส บอช เพื่อนร่วมทีมของเลบรอนในตอนนั้น หยิบหนังสือติดมืออยู่บ่อยครั้งตามไปด้วย


Photo : reddit.com

หนังสือที่เลบรอนอ่านค่อนข้างมีความหลากหลาย ไม่จำกัดว่าต้องเป็นหนังสือประเภทใด มีตั้งแต่  “The Hunger Games” ที่เขียนโดย ซูซาน คอลลินส์, “The Alchemist” ของ เปาโล คูเอลู และ “Decoded” หนังสือชีวประวัติของแรปเปอร์ชื่อดังอย่าง เจย์-ซี 

กรณีของเลบรอนคือเพื่อการพักผ่อน เป็นการหลบหนีความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัว แต่สำหรับนักกีฬาบางคนก็ใช้หนังสือปรับความคิดของตัวเอง เพื่อพัฒนาจิตใจอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน

A GOOD BOOK IS A KEY TO SUCCESS? 

นักกีฬาอาชีพหลายคนต้องรับมือกับปัญหาความเครียด ความกดดันทุก ๆ ครั้งที่ลงสนาม ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากเรื่องใดก็ตาม ทั้งจากแฟน ๆ และจากตัวเอง การจัดการกระบวนการคิดหรือมายด์เซ็ตของตนเองจึงมีความสำคัญ เพราะหนังสือสามารถทำให้เราตกตะกอนทางความคิดได้ ไม่ต่างจากการฟังเพลงหรือดูหนัง 


Photo : chiefs.com

ลองดูตัวอย่างจากนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จอย่าง โทนี่ กอนซาเลซ อดีตนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล ที่เคยเล่นให้กับ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ (1997-2003) และ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ (2009-2013)

โทนี่เป็นผู้เล่นตำแหน่งปีกใน ที่ผสมระหว่างออฟเฟนซีฟไลน์แมนและปีกนอก กล่าวคือต้องป้องกันทีมรับฝั่งตรงข้ามให้ได้และต้องรับลูกได้เช่นกัน นี่คือตำแหน่งที่อาศัยไหวพริบสูงมาก เพราะสามารถทำให้รูปเกมเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา 


Photo : ocregister.com

โทนี่ได้ชื่อว่าเป็นปีกในที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในวงการคนหนึ่ง เขาได้ตบเท้าเข้าสู่หอเกียรติยศแห่งอเมริกันฟุตบอลเมื่อปี 2019 ด้วยความโชกโชนประสบการณ์ ปัจจุบันเขารับหน้าที่เป็นผู้วิเคราะห์เกมให้กับช่อง Fox Sports ด้วยความสำเร็จของโทนี่ เขาเคยให้สัมภาษ์กับ The New York Times ในปี 2019 ถึงกิจวัตรอันเป็นระเบียบของเขา เขายังคงรักษาสุขภาพกาย สุขภาพใจอย่างต่อเนื่อง นอนหลับ 8 ชั่วโมงต่อวัน นั่งสมาธิ และออกกำลังกาย 

ที่สำคัญ โทนี่ อ่านหนังสือ 

“ผมรักหนังสือปรัชญา หนังสือที่พูดเกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณ หนังสือพัฒนาความคิด และหนังสือวิทยาศาสตร์” 

โทนี่ได้เปิดเผยถึงหนังสือที่เขากำลังอ่าน ซึ่งมีส่วนช่วยต่อระบบการคิดของเขาค่อนข้างมาก มีเล่มหนึ่งชื่อว่า “Range: Why Generalists Triumph in a Specialized World” ของ เดวิด เอปสไตน์ (มีฉบับแปลไทยชื่อว่า “วิชารอบรู้” แปลโดย แชมป์-ทีปกร วุฒิพิทยามงคล จัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ SALT) 


Photo : amazon.in

หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องของการบริหารทักษะรอบด้านของตนเองให้เป็นประโยชน์ เคยติดอันดับหนังสือขายดีอันดับ 1 ของ New York Times และเป็นหนังสือที่ บิล เกตส์ แนะนำให้อ่าน โทนี่ชอบหนังสือเล่มนี้มาก ถึงขนาดอยากชวน เดวิด เอปสไตน์ ผู้เขียนมานั่งคุยในรายการพอดแคสต์ของเขาเลยทีเดียว

อีกเล่มหนึ่งมีชื่อว่า “The Universal Christ: How a Forgotten Reality Can Change Everything We See, Hope For, and Believe” เขียนโดย ริชาร์ด โรห์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณในศาสนาคริสต์เป็นหลัก เคยติดอันดับหนังสือขายดีของ New York Times เช่นเดียวกัน


Photo : amazon.in

โทนี่กล่าวว่าหนังสือทั้งสองเล่ม เป็นหนังสือที่ช่วยยกระดับชีวิตของเขา และค่อนข้างมีอิทธิพลต่อเขาในเรื่องของการทำงานและการใช้ชีวิต 

นอกจากโทนี่ ในวงการอเมริกันฟุตบอลที่ขึ้นชื่อว่าเข้มข้นในเรื่องเกมจิตวิทยา นักกีฬาหลายคนก็หันมาอ่านหนังสือกันมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ มาร์เทลลัส เบนเน็ตต์ อดีตผู้เล่นตำแหน่งปีกในเช่นเดียวกับโทนี่ ดีกรีแชมป์ซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 51 กับทีม นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ ที่เป็นอีกหนึ่งคนในวงการอเมริกันเกมส์ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนอนหนังสือ เขาเคยเปิดเผยกับเครือข่ายโทรทัศน์ช่อง CNBC ว่าในคอลเล็กชันหนังสือของเขา มีจำนวนมากกว่า 3,500 เล่ม


Photo : bostonherald

“ผมมีหนังสือกว่า 3,500 เล่ม บางทีอาจจะมากกว่านั้นด้วย”

“ผมมีห้องสมุด ผมอยากจะเอาชนะเบลล์จากเรื่องโฉมงามกับอสูร ผมอยากมีห้องสมุดที่ใหญ่กว่าเธอ” 

มาร์เทลลัส พูดทำนองติดตลก ก่อนที่จะเปิดเผยต่อว่าเขาเริ่มคิดว่าการอ่านหนังสือจะช่วยให้เขาประสบความสำเร็จได้ เช่นเดียวกันกับ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร Facebook 


Photo : .juplusdesign.com

“ผมเริ่มอ่านหนังสือเยอะขึ้น เพราะมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” 

“ผมรู้มาว่ามาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก อ่านหนังสือ 1 เล่มทุก ๆ สองสัปดาห์ เขาเป็นเจ้าของธุรกิจมูลค่าล้านล้าน ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้เหมือนกันในตอนนั้น คือการเริ่มอ่านหนังสือ 1 เล่มทุก ๆ สองสัปดาห์เช่นเดียวกัน” 

ปัจจุบันหลังจากที่มาร์เทลลัสเกษียณตัวเองจากการเล่นอเมริกันฟุตบอลอาชีพ เขาก็ได้ไปประกอบอาชีพเป็นนักเขียน เขาเขียนหนังสือเด็กภายใต้สำนักพิมพ์ The Imagination Agency ที่เขาเป็นคนก่อตั้งขึ้นเอง โดยได้แรงบันดาลใจส่วนมากมาจากลูกสาวของเขา มาร์เทลลัสไล่ตามความฝันดั้งเดิมก่อนที่เข้าจะมาเป็นนักอเมริกันฟุตบอล คือการเป็นเป็นนักเขียนแบบ โรอัลด์ ดาห์ล หรือ ดอกเตอร์ซูส ที่โด่งดังจากการเขียนหนังสือเด็ก


Photo : webuyblack.com

มาเทลลัสเป็นหนึ่งในคนที่เชื่อในพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ เขาชื่นชอบพร้อมกับแนะนำหนังสือเรื่อง “Creativity, Inc.,” ที่เขียนโดย เอมี่ วอลเลซ และ เอ็ด แคตมัล ว่าด้วยเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ผ่านมุมมองผู้ก่อตั้งร่วมของ Pixar Studios สตูดิโออนิเมชันที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่ผลิตผลงานอย่าง Toy Story, The Incredibles, Finding Nemo และอื่น ๆ อีกมากมาย 

จากตัวอย่างที่ผ่านมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า นักกีฬาแต่ละคนต่างก็ได้อะไรกลับมาจากหนังสือที่แตกต่างกัน แต่ที่ทุกคนยอมรับร่วมกัน คงเป็นเรื่องของสมาธิที่จะช่วยให้สามารถเล่นกีฬาได้ดียิ่งขึ้นเมื่อต้องลงแข่งในสนาม

WHAT BOOKS CAN ACTUALLY DO? 

“คุณเล่นฟุตบอลด้วยหัวของคุณ ขาก็แค่ทำหน้าที่ช่วยเหลือหัวเท่านั้น” 

โยฮัน ครัฟฟ์ อดีตนักฟุตบอลระดับตำนาน เจ้าของฉายา “นักเตะเทวดา” ชาวเนเธอร์แลนด์ เคยกล่าวไว้ 


Photo : worldofjohancruyff.com

คำกล่าวนี้คงไม่เกินจริงไปเท่าไรนัก เพราะการเล่นฟุตบอล ก็ต้องอาศัยสมาธิ ความคิด อยู่ตลอดเวลาไม่ต่างจากการเล่นกีฬาชนิดอื่น ๆ จากบทความชิ้นหนึ่งของ แดนนี่ สกอตต์ แห่งสำนักพิมพ์ The Guardian กล่าวไว้ว่า เป้าหมายร่วมกันของโค้ชทีมฟุตบอลทุกคนในทวีปยุโรปคือ อยากให้นักเตะของตนเองมีสมาธิ 

เขาตั้งข้อสมมติฐานว่า การอ่านนิยายแฟนตาซีมากตัวละคร ก็อาจช่วยให้นักเตะสามารถประมวลความคิดต่อบุคคลมากหน้าหลายตาที่พบเจอได้ในสนามมากยิ่งขึ้น เพราะนักกีฬาฟุตบอลหลาย ๆ คน ต้องคิดให้ไว ประมวลผลอยู่ตลอดว่าควรจะทำอย่างไรต่อ 

ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ที่หลายคนเพิ่งจะเคยได้ยิน แต่ก็เป็นคำกล่าวที่จริงอยู่เสมอ ที่ว่าการอ่านช่วยเพิ่มสมาธิ จากการศึกษาในงานวิจัยที่ชื่อ “Attention and Reading skills” ของ เอเลน่า คอมโมดารี่ และ มาเรีย เกอร์เนร่า แห่งมหาวิทยาลัย คาตาเนีย ประเทศอิตาลี ระบุไว้ว่า การอ่านมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถโฟกัสหรือให้ความสนใจต่อสิ่งรอบข้างได้ดียิ่งขึ้น 

การอ่านหนังสืออย่างจริงจังผ่านตัวหนังสือ สามารถทำให้เรามีสมาธิได้ดีกว่าการอ่านอะไรสั้น ๆ ระหว่างวัน นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้เราได้ประมวลความคิดได้ละเอียดมากขึ้น เสมือนกับการค่อย ๆ ซึมซับเนื้อหาจากหนังสือออกมาทีละคำในแต่ละบรรทัด สิ่งที่นักกีฬากำลังมองหาจากหนังสือส่วนมากคงเป็นเรื่องของสมาธิ ที่สามารถฝึกได้จากการอ่าน เป็นการบริหารความคิดและสมองในทางอ้อมที่สามารถนำมาใช้ได้จริงในสนามแข่งขัน 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มักจะนึกสงสัยว่า จะได้อะไรจากการอ่านหนังสือแต่ละครั้ง จนพยายามทบทวนกับตัวเองไปอีกสามวันแปดวัน บางทีการได้คิดหาคำตอบนั้น ก็เท่ากับว่าคุณได้อะไรกลับไปบ้างแล้ว ตอนนั้นหนังสือก็ได้ทำงานแล้ว ในแบบที่คุณเองไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ 

Thailand Sport Magazine Sponsored
ผู้สื่อข่าว กีฬา

ข่าวกีฬา นักกีฬา กีฬา ในร่ม indoor outdoor ต้องทำ sport ให้เป็น กีฬา หลักของประเทศ ดูข้อมูล กอล์ฟ บาสเก็ตบอล ฟุตบอล ว่ายน้ำ วอลเล่ย์บอล มวย แข่งรถ แบดมินตัน และ อีสปอร์ต Dedicated to all sport news from Thailand, with news updates, stories and event reports on many different types of sporting activities that the Thailand currently holds, across all of the asia.

This website uses cookies.