เมื่อ ‘ไวเนอรี’ เปลี่ยนเจ้าของ…จากไวน์ทัสคานีถึงนาปา แวลลีย์ – กรุงเทพธุรกิจ

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ โควิด-19 แผลงฤทธิ์ ทำให้ธุรกิจแทบทุกอย่างนิ่งสนิทจนถึงดับสูญ หนึ่งในนั้นคือ ธุรกิจไวน์ทั่วโลก ต่างถูกพิษภัยโดยถ้วนหน้าไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม เมื่อทำไวน์แล้วขายไม่ได้ ส่งออกไม่ได้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายยังเหมือนเดิม แต่รายได้น้อยกว่าเดิม

  เฟรสโคบาลดี

หนทางสุดท้ายที่ไม่มีใครอยากเลือกแต่จำเป็นต้องเลือกนั่นคือ ขายไวเนอรี โดยเฉพาะไวเนอรีที่เงินทุนไม่หนา และไวน์ที่ผลิตไม่ใช่ไวน์คุณภาพหลุดโลกราคาแพงชนิดที่ผู้คนทั่วโลกแย่งชิงกัน ฯลฯ ในทางตรงกันข้ามผู้ผลิตไวน์ที่เงินทุนหนา นับเป็นโอกาสดีที่จะสามารถช้อนซื้อไวน์เนอรีเล็ก ๆ ในราคาไม่แพง หรือแพงแต่ต้องยอมลดราคาลงมา

เมื่อเดือนกันยายน 2021 ที่ผ่านมา มีไวเนอรีชื่อดังหลายแห่ง เปลี่ยนเจ้าของ  ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง  

“เฟรสโคบาลดี” ขยายอาณาจักรสวนกระแสโควิด

เริ่มที่ เฟรสโคบาลดี (Frescobaldi) หนึ่งในผู้ผลิตไวน์โดยครอบครัวที่เก่าแก่ที่สุดในทัสคานีและประเทศอิตาลี ถอนขนหน้าแข้งอีกเส้นซื้อ กอร์เต อัลลา ฟลอรา ไวเนอรี (Corte alla Flora Winery) หนึ่งในผู้ผลิตไวน์ชื่อดังของเขตมอนเตปุลเชียโน (Montepulciano) ที่ผลิตไวน์ชื่อดัง วีโน โนบิเล ดี มอนเตปุลเชียโน (Vino Nobile di Montepulciano)

เป็นครั้งแรกที่ Frescobaldi ซื้อพื้นที่ผลิตไวน์ในเขตดังกล่าวเข้ามาอยู่ในอาณาจักร ซึ่งเป็นที่จับตามองของคนในวงการไวน์อิตาลี อย่างน้อยรสชาติของไวน์จะออกมาเป็นอย่างไร ?

    Lamberto Frescobaldi CEO คนปัจจุบัน

Vino Nobile di Montepulciano เป็นไวน์แดงที่มีสถานะเป็น DOCG (Denominazione di Origidne Controllata e Garantita) ผลิตรอบ ๆ คอมมูน มอนเตปุลซิอาโน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดซิเอนา (Siena) ราว 70 ก.ม. พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 600 ฟุต นอกจากไวน์แล้วยังมีชื่อเสียงด้านอาหารและชีสด้วย โดยเฉพาะพาสต้าเส้นแบน ปิซี/ ปินซี (Pici / Pinci)

ส่วนไวน์ “Vino Nobile di Montepulciano” ต้องทำจาก ซานโจเวเซ (Sangiovese) ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่เรียกว่าปรูโญโล (Prugnolo) อย่างน้อย 70 % อนุญาตให้องุ่นพันธุ์อื่นได้ เช่น เบลนด์ด้วย กานายโอโล เนโร (Canaiolo Nero) 10-20% และ มัมโมโล (Mammolo) องุ่นพื้นเมืองอีกเล็กน้อย และบ่มอย่างน้อย 2 ปี (ในถังโอ๊คอย่างน้อย 1 ปี) แต่ถ้าเป็น รีแซร์วา (Riserva) ต้องบ่มอย่างน้อย 3 ปี เป็นต้น

   Corte alla Flora Winery

ไวน์ “Vino Nobile di Montepulciano”  นั้นอย่าไปจำสับสนกับ มอนเตปุลเชียโน ดาบรุซโซ (Montepulciano d’Abruzzo) ไวน์แดงที่ทำจากองุ่น  Montepulciano ในแคว้นอาบรุซโซ (Abruzzo) 

สำหรับ Corte alla Flora Winery อยู่ในสถานะ Vino Nobile di Montepulciano DOCG มีพื้นที่ทั้งหมด 60 เฮกตาร์ ในจำนวนนี้ปลูกองุ่น 30 เฮกตาร์ ขณะเดียวกันยังทำไวน์ในเขตอื่นด้วย

นับเป็นไวเนอรีสมาชิกที่ 9 ในอาณาจักร Frescobaldi ที่ประกอบด้วย Castello Nipozzano ใน Chianti Rufina, Castello Pomino ใน Pomino, Rémole ใน Sieci, Tenuta Castiglioni ใน Montespertoli,Tenuta Perano ใน Gaiole เขต Chianti, Tenuta Ammiraglia ใน Maremma, Castel Giocondo ใน Montalcino และ Gorgona บนเกาะ Gorgona

   ไวน์ในชายคาเฟรสโคบาลดี

บริษัท มาร์เคซี เดอ เฟรสโคบาลดี (Marchesi De Frescobaldi) ก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 บรรพบุรุษเป็นขุนนางเก่าราชวงศ์หนึ่งในอิตาลี บางคนในตระกูลเป็นนักการเมือง เป็นนายธนาคาร และศิลปิน บางคนข้ามน้ำข้ามทะเลไปเป็นนักธุรกิจและนายธนาคารในอังกฤษ กระทั่งจับธุรกิจไวน์ และนำเข้าไวน์เพื่อส่งเข้าถวายในราชสำนักอังกฤษ นับถึงวันนี้พวกเขาทำไวน์มากว่า 700 ปี

ปัจจุบันบริหารโดยทายาทรุ่นที่ 30 โดยมี ลัมแบรโต เฟรสโคบาลดี  เป็นประธาน ผลิตไวน์หลากหลายรุ่น แต่ที่โลกรู้จักกันดีและเป็นที่โหยหาคือ 2 ซูเปอร์ ทัสคัน คือ ออร์เนลลายา (Ornellaia) และ มาสเซโต (Masseto) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “เปตรุส แห่งอิตาลี” เพราะทำจากองุ่นแมร์โลต์ (Merlot) เหมือนชาโต เปตรุส (Chateau Petrus) หนึ่งในไวน์สุดแพงของฝรั่งเศส เป็นต้น

    Luce 1995

ครอบครัวเฟรสโคบาลดี ยังจับมือกับ โรเบิร์ต มอนดาวี เจ้าพ่อ ไวน์นาปา แวลลีย์ ร่วมกันผลิตขึ้นภายใต้ชื่อบริษัท เตนูตา ลูเช เดลลา วีเต (Tenuta Luce della Vite) ผลิตไวน์รุ่นที่โด่งดังและรู้จักกันในนาม 3 ทหารเสือแห่งตำบลมอนตาลชิโน (Comune di Montalcino) คือ ลูเช (Luce), ลูเซนเต (Lucente) และ ลูเช บรูเนลโล ดี มอนตาลชีโน (Luce Brunello di Montalcino) ผลิตขายอย่างเป็นทางการวินเทจแรกคือ 1995 โดยมีพระเอกคือ “ลูเช” ทำจากองุ่นซานโจเวเซ  และแมร์โลต์ ในอัตรา 50 – 50 % เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน 1998

   หนึ่งในไวน์ของ Corte alla Flora

จากการผลิตไวน์ดังกล่าว ทำให้เกิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ ไวน์อิตาลี ว่าเป็นครั้งแรกในคอมมูน ดี มอนตาลซิโน ที่มีการเบลนด์ไวน์จากแมร์โลต์กับซานโจเวเซ เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็น กาแบร์เนต์ โซวีญยอง กับซานโจเวเซ

พูดถึงเรื่องการซื้อไร่องุ่น ก็ขอแถมด้วยเรื่องเดียวกันเสียเลย แต่เป็นคนละประเทศ

โดเมน คลาฮรองซ์ ดิลลอน ซื้อ “ไวน์ฝั่งขวา”

ที่ฝรั่งเศส….ถือเป็นข่าวใหญ่ประจำเดือนกันยายน 2021 เมื่อกลุ่มบริษัท โดเมน คลาฮรองซ์ ดิลลอน (Domaine Clarence Dillon = DCD) ที่มีเจ้าชายโฮรแบรต์ เดอ ลุกเซมบวร์ก (Prince Robert de Luxembourg) เป็นประธานของกลุ่ม ขยายอาณาจักรไปยังไวน์ฝั่งขวา (Right Bank) อีกก้าวหนึ่งด้วยการซื้อ ชาโต กรองด์ ปงเตต์ (Château Grand-Pontet) ไวน์ใน แซง เตมิลยอง กรองด์ ครู คลาสเซ (St.-Emilion Grand Cru Classé) เป็นที่เรียบร้อย ในราคาที่ไม่เปิดเผย

   เจ้าชายโฮรแบรต์ เดอ ลุกเซมบวร์ก

Domaine Clarence Dillon = DCD นั้นเป็นเจ้าของ ชาโต โอต์ บริยอง (Château Haut-Brion) 1 ใน 5 เสือบอร์กโดซ์ และลา มิสสิอง โอต์ บริยอง (La Mission Haut-Brion) ในเปสซัค ลีญอง (Pessac Leognan) เมืองบอร์กโดซ์ เป็น 1 ใน 12 เมมเบอร์ของ Primum Familiae Vini (PVI) ผู้ผลิตไวน์ที่ยังดำเนินธุรกิจโดยครอบครัว

ชาโต กรองด์ ปงเตต์ มีพื้นที่ 19 เฮกตาร์ เป็นหนึ่งในชาโตที่มีแตร์ฮรัวร์ชั้นเยี่ยม กำลังการผลิตเพียงปีละ 4,000 ลัง เดิมเป็นของครอบครัว บาตอง และเกสติเยร์ (Barton & Guestier) ปี 1980 จึงขายให้ตระกูล (Bécot) เจ้าของชาโต โบเซโฌ เบโคต์ (Château Beau-Séjour Bécot) ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน และมีเพื่อนบ้านอย่างชาโต กอนอง (Chateau Canon) และชาโตโคลส์ ฟูร์เตต์ (Clos Fourtet)

   ไวน์ Grand-Ponte

ทั้งหมดนี้เป็นแผนการขยายอาณาจักรไปยังฝั่งขวา ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา พยายามจะหาชาโตไวน์ที่อยู่ติด ๆ กันแล้วรวมเป็นผืนเดียวกัน เริ่มจากการซื้อชาโต แกงตุส (Château Quintus) ตามด้วยชาโต แตรต์ ดูเกย์ (Château Tertre Daugay) ปี 2013 ซื้อชาโต ลาร์โฮรเซ (Château L’Arrosée) ที่อยู่ติดกัน

ปัจจุบัน DCD มีชาโต ไวน์ในฝั่งขวา ถึง 5 ชาโต ต้องคอยดูว่าไวน์ในเครือนี้จะออกมาในรูปแบบใด ?

ไวน์นาปา แวลลีย์ ลูอิส เซลลาร์ส เปลี่ยนเจ้าของ

ที่แคลิฟอร์เนีย…เป็นข่าวใหญ่ในวงการ ไวน์นาปา แวลลีย์  เมื่อ ลูอิส เซลลาร์ส (Lewis Cellars) ไวน์นาปา แวลลีย์ (Napa Valley) ที่อร่อยอีกแบรนด์หนึ่งที่มีขายในเมืองไทย ถูก จัสติน วินเยิร์ด และไวเนอรี (Justin Vineyards & Winery) ซื้อไปเรียบร้อยแล้วเมื่อราวกลางเดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา ในราคาที่ไม่เปิดเผย แต่ทีมเดิมรวมทั้งเจ้าของก็ยังถูกจ้างให้ทำงานอยู่ที่เดิม

   ไวน์ Lewis Cellars

Lewis Cellars กำเนิดในปี 1992 โดย แรนดี้ ลูอิส (Randy Lewis) นักแข่งรถชื่อดังกับภรรยาเด็บบี้ ผลผลิตปีละประมาณ 9,000 ลัง ทำไวน์จากกาแบร์เนต์ โซวีญยอง ซีราห์ แมร์โลต์ โซวีญยอง บลอง และชาร์โดเนย์

นับเป็น ไวเนอรีระดับไฮเอนด์ ที่เปลี่ยนเจ้าของในปี 2021 นี้ ก่อนหน้านั้น ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลาไวเนอรี ของผู้กำกับหนังชื่อดังในโซโนมา เคาน์ตี้  ก็ขายไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (คนละส่วนกับที่นาปา แวลลีย์) ถัดไปก่อนหน้านั้น (Stony Hill Vineyard) ในนาปา แวลลีย์ ก็ขายให้กับกลุ่มบริษัท เกย์ลอน ลอว์เรนซ์ จูเนียร์ (Gaylon Lawrence Jr) เมื่อเดือนมกราคม 2021เป็นต้น

   ไร่องุ่นที่ ซีเจ แม็คคอลลัม ซื้อ

เมื่อนักบาสเกตบอลซื้อไวเนอรี

ที่ โอเรกอน รัฐที่ผลิตไวน์ได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะ ปีโนต์ นัวร์ ….ซีเจ แม็คคอลลัม (CJ McCollum) ผู้เล่นในตำแหน่งการ์ดของทีมพอร์ตแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส (Portland Trail Blazers) ในบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ (NBA) จะมีไร่องุ่นผลิตไวน์เป็นของตัวเองอย่างเต็มรูปแบบแล้ว หลังควักกระเป๋าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มี Vineyard ใน วิลลาเมตต์ แวลลีย์ (Willamette Valley) รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตปีโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) ระดับหัวกะทิของโลก

   ซีเจ นักบาสเกตบอลซื้อไวเนอรี

อสังหาริมทรัพย์แห่งนี้มีพื้นที่ 100 เฮกตาร์ อยู่ในเขตควบคุมการผลิตไวน์ (American Viticultural Area = AVA) ยัมฮิลล์ คาร์ตัน (Yamhill Carlton) โดยจะเริ่มวางแผนการผลิตไวน์ในปี 2022 ก่อนหน้านั้นเขาก็ทำไวน์มาก่อนแล้ว ภายใต้ชื่อ McCollum Heritage 91 แต่ผลิตที่ไร่ Adelsheim Vineyard ที่รู้จักกัน และจะทำต่อไปจนกว่าไร่ของตัวเองจะเสร็จ

  ไวน์ที่ซีเจ ทำอยู่แล้ว

เป็นความเคลื่อนไหวในแวดวงธุรกิจไวน์ ในยุคโควิด-19 ที่จะทำให้โลกของไวน์เปลี่ยนไปจากเดิมหรือไม่ ? โปรดติดตาม…