คริสต์มาสของชาวคริสต์ เปรียบได้กับเทศกาลซึ่งทุกหัวใจอันเหนื่อยล้าจะได้กลับบ้านที่แท้จริง ได้พบครอบครัวอันอบอุ่น และได้เจอกับช่วงเวลาแสนพิเศษ … นั่นจึงทำให้ คริสต์มาส นั้นเป็นความทรงจำที่หอมหวานและให้บทเรียนอะไรมากมายเมื่อวัยเด็ก
นี่คือเรื่องราวของ เซิร์จ อิบากา นักบาสเกตบอล NBA ที่เคยนำ โตรอนโต แรปเตอร์ส คว้าแชมป์เมื่อฤดูกาล 2018-19 … คริสต์มาสส่งผลกระทบกับชีวิตของเขามากมายเหลือเกิน นับตั้งแต่เกิดมาเขาได้บทเรียนจากคริสต์มาสอยู่สองแบบนั่นคือ สุขสุด ๆ และทุกข์สุดขีด ที่ประเทศคองโก ดินแดนที่มีสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา
นี่คือสิ่งที่เขาได้ประสบพบเจอตั้งแต่ยังเด็ก จนกลายเป็นภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต และทำให้เขาเป็นแชมเปี้ยนโดยแท้จริง …
คริสต์มาสในความทรงจำ
คองโก (ในที่นี้คือ สาธารณรัฐคองโก มิใช่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก หรือ ดีอาร์ คองโก ที่หลายคนอาจคุ้นในชื่อเก่า ซาอีร์) ถือเป็นประเทศที่มีคนนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนมาก เพราะเป็นศาสนาดั้งเดิมที่อยู่คู่สังคมมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งเข้าสู่ยุคจักรวรรดินิยม หลายประเทศในยุโรปอยากได้ คองโก เป็นประเทศราช เนื่องจากเป็นประเทศขนาดใหญ่พื้นที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่ามากมาย ก่อนท้ายที่สุด คองโก จะตกเป็นของ ฝรั่งเศส
ช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาที่มีความโหดร้ายเกิดขึ้นมากมาย มีการสังหารหมู่ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และยึดเอาทรัพย์สินที่ประเทศคองโกมีเพื่อส่งไปให้ประเทศเจ้าอาณานิคม นั่นคือสิ่งร้าย ๆ ที่เกิดขึ้น ทว่าอย่างน้อย พวกเขายังมีสิ่งหนึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ นั่นคือ ศาสนาคริสต์ ที่เข้าสู่ดินแดนนี้ตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 15 จากมิชชันนารีชาวโปรตุเกส ชาติแรกจากทวีปยุโรปที่ข้ามพรมแดนมายังดินแดนแห่งนี้
นี่คือเรื่องราวคร่าว ๆ ที่ทำให้ชาวคองโกส่วนใหญ่เกิน 80% ของประชากรกว่า 5 ล้านคนในประเทศ ณ ปัจจุบันนับถือศาสนาคริสต์ แตกต่างจากชาติในแอฟริกาอื่น ๆ หลายชาติ ที่สัดส่วนการนับถือศานาอิสลามและคริสต์อยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่ใกล้เคียงกัน
เมื่อมีชาวคริสต์เยอะ ก็หมายความถึงเทศกาลคริสต์มาสได้กลายเป็นเทศกาลที่มีความหมายสำหรับชาวคองโกส่วนใหญ่ นี่คือเทศกาลที่ทุกคนรอคอย มันคือความหวังของเด็ก ๆ ที่จะได้มีวันที่พิเศษ ๆ แตกต่างจากทุกๆวัน
เซิร์จ อิบากา นักบาสผู้ครอบครองแหวนแชมป์ NBA 1 วง ยังจำวัยเด็กของเขาที่ คองโก ได้อย่างดี มันคือช่วงเวลาที่ให้บทเรียนชีวิตมากมาย มันทำให้เขารู้ว่านี่คือเทศกาลแห่งความสุขที่แท้จริง และเมื่อสุขก็สุขสุด ๆ จนเขารู้สึกว่าอยากให้มีคริสต์มาสทุกๆวัน
“คริสต์มาสที่ประเทศคองโกเป็นงานใหญ่มาก แม้ที่นี่จะไม่มีหิมะเหมือนกับโตรอนโต (ที่อยู่ปัจจุบัน) แต่ทุกคนจะออกมานอกบ้าน และทุกบ้านจะตกแต่งด้วยไฟวิบวับเต็มไปหมด เด็ก ๆ ทุกคนจะได้แต่งตัวหล่อที่สุดในรอบปี ออกมาขี่จักรยาน เล่นปืนอัดลม ใส่หน้ากากลายฮีโร่ต่าง ๆ จากนั้นเราจะกินอาหารค่ำมื้อใหญ่ ครอบครัวผมเราจะไปกินข้าวที่บ้านยาย พร้อมกับมีเสียงดนตรีคลอไปด้วย” อิบากา เล่าให้กับ Sportsnet ฟัง
ครอบครัวของ อิบากา ไม่ได้ร่ำรวย เขามีพี่น้องรวมกันถึง 18 คน ทว่าก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร เขามีความสุขดีกับชีวิตวัยเด็ก ณ เวลานั้น โดยเฉพาะช่วงคริสต์มาสที่เขาจำแม่นที่สุด เขาไม่ค่อยมีโอกาสได้กินของที่คนทั่วไปกินได้ทุกวัน น้ำอัดลม เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาเฝ้ารอวันคริสต์มาส เพราะในวันนี้เขาจะกินเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ
“เราได้ดื่มน้ำอัดลมในวันนั้นด้วย และนั่นคือสิ่งพิเศษเลยนะ ที่โตรอนโตเราจะส่ายหัวเลยเวลาบอกว่าจะดื่มน้ำพวกนี้ไหม แต่ที่ คองโก มันโคตรจะพิเศษเลย เราไม่มีโอกาสได้กินมันทุกวันหรอกนะ มีแต่โอกาสดี ๆ แบบคริสต์มาสเท่านั้น”
เหนือของกินและวาระพิเศษต่างๆ มันคือวันที่ครอบครัวรวมกันเป็น 1 รอยยิ้มและความสุขถือเป็นความทรงจำเล็ก ๆ ของเขาที่ประกอบเข้าด้วยกันและเป็นภาพจำที่ตนเองไม่มีวันลืม ครอบครัวใหญ่นั่งกันเต็มโต๊ะกินข้าว สุขใจเท่าที่เรามี ชีวิตคนเราจะมีอะไรมากกว่านี้ … คริสต์มาส คือเทศกาลแห่งความสุขโดยไม่มีเรื่องร้ายเจือปน เขาคิดเช่นนั้นเสมอมา จนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงมาถึง และทำให้เขาต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ ว่าทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งสมมติเท่านั้น …
คริสต์มาสที่จำได้ดียิ่งกว่า
แม้จะอยู่ในครอบครัวยากจน แต่พ่อและแม่ของ อิบากา นั้นถือเป็นบุคลากรชั้นแนวหน้า กล่าวคือทั้งสองคนมีโอกาสได้เรียนหนังสือ มีโอกาสได้เล่นกีฬา ทั้งคู่เป็นนักบาสเกตบอลระดับทีมชาติ คุณพ่อติดทีมชาติคองโก ขณะที่คุณแม่ติดทีมชาติดีอาร์ คองโก และทั้งคู่ได้สอนให้ อิบากา ได้รู้จักความสนุกของบาสเกตบอล และเล่นมันเสมอในช่วงเวลากิจกรรมหรือยามว่าง
Photo : www.sergeibaka.com
การเป็นคนที่มีความคิดและวิสัยทัศน์ ทำให้พ่อและแม่ของ อิบากา เป็นพวกหัวก้าวหน้า หรือเป็นฝั่งซ้ายที่มองตรงข้ามรัฐบาลเผด็จการ ทั้งคู่จึงถูกเพ่งเล็งในฐานะผู้อาจจะเป็นภัยต่อประเทศเสมอมา
แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ที่ อิบากา จดจำไม่ลืมก็เกิดขึ้น เมื่อเขาอายุได้ 8 ขวบ แม่ของเขาเสียชีวิตไปด้วยสาเหตุทางธรรมชาติ มันเป็นความสูญเสียที่เขาพยายามจะเข้าใจมันให้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แม่บอกเสมอว่า เมื่อแม่จากไปเขาจะต้องใกล้ชิดกับครอบครัวยิ่งกว่าที่เคย คอยดูแลพี่ ๆ น้อง ๆ ให้ดี เพราะประเทศนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แล้วมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ
หลังจากแม่เสียได้ปีเดียวเท่านั้น คองโก ก็เกิดสงครามกลางเมืองเป็นครั้งที่ 2 และสงครามครั้งนี้ถือเป็นสงครามต่อเนื่องมาจากสงครามกลางเมืองในช่วงปี 1993-94 อันมีมูลเหตุจากการโกงเลือกตั้งในรัฐสภา ซึ่งในครั้งนั้นมีประชาชนเสียชีวิตกว่า 2,000 คน
ขณะที่สงครามกลางเมืองครั้งที่ 2 ในปี 1997 นั้นเกิดจากการรัฐประหารเพื่อแย่งชิงอำนาจ และมีการแบ่งก๊กแบ่งเหล่าเป็น 3 กองทัพได้แก่ Cobra, Cocoye และ Ninja โดยสงครามดังกล่าวเกิดขึ้นกลางเมืองหลวง บราซาวิลล์ อันเป็นเมืองเกิดของ อิบากา และมีการยิงกันกลางเมืองบ่อยครั้งจนพลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งกองกำลังที่กล่าวมาทั้งหมดก็ล้วนทำตามแต่ที่ตัวเองชอบใจ เช่น ขู่กรรโชกทรัพย์ประชาชนโดยเฉพาะในฝั่งตรงข้ามของตนเอง
ตลอดช่วงเวลา 2 ปีที่เกิดสงครามกลางเมืองคองโก (1997-99) ครอบครัวของ อิบากา ที่นำโดย เดซิเร อิบากา ผู้เป็นพ่อ ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีนัก เพราะพ่อของเขาถือเป็นผู้มีปมขัดแย้งทางการเมืองและถูกเพ่งเล็งจากภาครัฐมาตั้งแต่แรก เดซิเร จึงได้พาครอบครัวอพยพย้ายเมืองไปอยู่ที่เมือง Ouesso ทางตอนเหนือของประเทศ ที่นี่เป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้
เมื่อสงครามในสงบลงในปี 1999 เดซิเร พาครอบครัวกลับมายังกรุง บราซาวิลล์ อีกครั้ง ทว่าวีรกรรมครั้งเก่า รวมถึงการเป็นคนละขั้วกับผู้มีอำนาจของ เดซิเร หลังจากกลับมาอยู่ที่เดิมได้ไม่นาน พ่อของเขาก็โดนจับขังคุกจากการเป็นภัยคุกคามของรัฐ ทำให้ เซิร์จ อิบากา ต้องอยู่กับยาย จากที่เคยลำบากอยู่แล้ว ก็ยิ่งลำบากยิ่งกว่าเดิมแบบคูณ 3
สิ่งที่ทำให้เขารู้ว่าชีวิตตัวเองเปลี่ยนแปลงไปแบบสุดขีดมากที่สุด ไม่ใช่แค่การขาดไฟฟ้าหรือน้ำประปา แต่เป็นเพราะวันคริสต์มาสและครอบครัวที่เขาคุ้นเคยต่างหาก เขามีภาพจำว่าคริสต์มาสเป็นเหมือนเทศกาลในฝันและเต็มไปด้วยความสุข ทว่าเมื่อถึงวันที่พ่อแม่ไม่อยู่ เขาจึงได้ลิ้มรสคริสต์มาสในอีกแบบ อันเลวร้ายกว่าที่เขาคิดไว้เยอะเลยทีเดียว
“คริสต์มาสที่คองโกสำหรับ เซิร์จ อิบากา นั้นมีหลายเวอร์ชั่นนะ” เขาเล่าให้ฟัง
“ตอนที่ผมมีพ่อแม่มันต่างกันมากเลย คุณได้แกะกล่องของขวัญ ได้เที่ยวเล่นสนุกสนาน ได้ทำทุกอย่างเหมือนกับอยู่ในฝัน แต่ในวันที่แม่ของผมจากไป และพ่อก็ถูกขังอยู่ในคุก ผมจึงได้รู้ถึงความแตกต่างแบบสิ้นเชิง”
“ตอนที่แม่ยังอยู่ แม่สปอยล์ผมน่าดูเลย ผมเป็นลูกชายคนเดียวในบ้าน คุณก็คงจะนึกออกนะว่าผมได้ทุกอย่างที่ต้องการ พอพ่อแม่จากไป ทุกอย่างเลวร้ายมาก คริสต์มาสแย่ … ผมไม่โกหกใครหรอกนะว่าตอนนั้นผมเกลียดวันคริสต์มาสไปเลย ผมไม่ชอบมัน มันมีแต่เรื่องน่าเศร้า มีแต่ความผิดหวังเต็มไปหมด ผมถามตัวเองตลอด ทำไมเรื่องแบบนี้มันต้องมาเกิดกับผมด้วย ผมไม่เข้าใจจริง ๆ” อิบากา เล่าย้อนกลับไปในวัย 12 ปี
Photo : dailyhive.com
ยิ่งโตขึ้นภาพจำก็ชัดขึ้น คริสต์มาสของเขาไม่สนุกอีกต่อไป หลังจากอายุ 12 ปี อิบากา ไม่ได้ฉลองคริสต์มาสเลย มันทำให้เขาเจ็บปวด และทางเดียวที่จะลืมได้คือ “หาอะไรทำให้พ้น ๆ วันนั้นไปซะ” ความเกลียดที่มีต่อวันคริสต์มาส นำมาซึ่งความรักในสิ่งใหม่ นั่นก็คือบาสเกตบอล มรดกที่พ่อและแม่ของเขาฝากไว้ให้ก่อนที่ความทรงจำเลวร้ายจะเกิดขึ้น
อิบากา มักจะออกไปเล่นบาสเกตบอลทุก ๆ วัน โดยเฉพาะวันคริสต์มาสนั้นจะพิเศษกว่าวันอื่น ๆ เพราะมันจะมีการแข่งขันในช่วงเทศกาลโดยเฉพาะ ใครชนะก็จะมีรางวัลให้ เป็นเงินสดหรืออะไรก็แล้วแต่ และสำหรับ อิบากา ที่เป็นเด็กกำพร้าที่ต้องสู้เพื่อตัวเอง เขาจริงจังกับการแข่งขันนี้มาก
“การแข่งบาสช่วงคริสต์มาสคือเหตุผลที่ทำให้ผมรักกีฬาชนิดนี้มาก เมื่อผมต้องการบางสิ่งบางอย่าง ผมต้องออกไปคว้ามันด้วยตัวเอง และเมื่อใดก็ตามที่จิตใจปั่นป่วน ต้องการไปที่ใดสักที่เพื่อลืมเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น บาสเกตบอลอยู่ที่นั่น มันรอผมอยู่เสมอ”
บาสเกตบอล คือเครื่องมือหลีกหนีความทรงจำที่ไม่อยากจำของ อิบากา และในอีกทางหนึ่ง มันคือเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่าด้วย เพราะเมื่อยิ่งเล่น ยิ่งซ้อม ยิ่งมาสนามบาสมากเท่าไหร่ เขาก็เก่งขึ้นเท่านั้น รู้ตัวเองทีเขาก็ได้เล่นให้กับสโมสรบาสในประเทศคองโกไปแล้วตั้งแต่อายุแค่ 15 ปีเท่านั้น
บาสเกตบอลพาเขาหนีออกจากความทรงจำที่ไม่ดีในคองโกได้จริง ๆ เขามีโอกาสได้ย้ายไปเล่นในฝรั่งเศส และในสเปน ตอนอายุ 17 ปี ด้วยส่วนสูงระดับ 213 เซนติเมตร เขากลายเป็นดาวเด่นของทีม ออสปิตาเลต จนได้รางวัล MVP ของลีก และทำให้เขาเข้าตาแมวมองจาก NBA จนได้
Photo : dailyhive.com
เหตุผลที่ทำให้เหาะข้ามจาก คองโก มายังยุโรป ก่อนเหาะอีกครั้งสู่สหรัฐอเมริกาได้คือ “คาแร็คเตอร์” … เอเยนต์ชาวสเปนที่ชื่อว่า เปเร กาเยโก บอกเล่าเรื่องราวว่า อิบากา ไม่เคยกลัวใคร และไม่เคยกลัวความกดดัน เขาแน่วแน่กับสิ่งที่ทำมาก และเขาเชื่อว่ามันเป็นแรงขับจากอดีตโดยแน่แท้
“หมอนี่สามารถกระโดดได้สูงกว่าที่อุปกรณ์ของเราจะวัดได้ด้วยซ้ำ ความสามารถและพลังงานนั้นล้นเหลือสุด ๆ ไหนจะทัศนคติ ความเป็นผู้นำ และความกระหายในการเอาชนะ คือสิ่งที่ผมเห็น ผมได้คุยกับเขาในภายหลังก็ยิ่งแน่ใจ หมอนี่มีแนวคิดที่ชัดเจนมาก เขาเป็นคนที่พร้อมจะทำงานหนัก และพร้อมจะเสียสละตนเพื่อบรรลุความฝันให้จงได้” กาเยโก ว่าไว้
ดีหรือร้ายไม่ใช่ประเด็น
เข้าสู่ปี 2008 อิบากา ได้เข้าสู่ระบบการดราฟต์ของ NBA เขาถูกเลือกเป็นลำดับที่ 24 ในการดราฟต์รอบแรกโดยทีม ซีแอตเทิล ซูเปอร์โซนิคส์ … ไม่ธรรมดาสำหรับเด็กหนุ่มจากคองโกที่ได้อยู่ในดราฟต์รอบแรกเช่นนี้
Photo : www.sergeibaka.com
เส้นทางของ อิบากา ค่อย ๆ ไต่ลำดับความสำเร็จแบบช้า ๆ จุดเด่นคือความสูง พละกำลัง และทัศนคติในการเล่น เหนือสิ่งอื่นใดคือเขาเป็นคนที่ปรับตัวง่ายกับวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น เขามาที่สหรัฐอเมริกาได้ไม่นาน เขาก็หัดพูดภาษาอังกฤษได้สำเร็จภายในไม่กี่เดือน เช่นเดียวกับที่เขาเคยทำในอดีตที่พูดได้ทั้งภาษาฝรั่งเศสและภาษาสเปน
อิบากา เล่าว่าตั้งแต่พ้นเหตุการณ์วัยเด็ก เขาก็ไม่เหลือความกลัวอีกต่อไปแล้ว การปรับตัวคือของง่าย เพราะเขาคุ้นเคยมันดีและอยู่ความทรงจำเสมอมา ไม่มีที่ใดลำบากอีกต่อไปแล้ว จากคริสต์มาสอันขมขื่น จนทำให้เขาเกลียดในวัยเด็ก วันนี้เขาสามารถเข้าใจมันได้อย่างมากขึ้นว่า ความสุขและความทุกข์นั้นอยู่กับเราไม่นาน ไม่มีประโยชน์ที่จะจงเกลียดจงชัง เพราะแม้กระทั่งคริสต์มาสที่ลำบากที่สุด ก็ยังเปลี่ยนเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ชีวิตของเขากลายเป็นคนใหม่ได้ …
อิบากา กลับมาประสบความสำเร็จสุด ๆ ในช่วงหลังปี 2010 กับเป็นผู้เล่นคนสำคัญของ โอกลาโฮม่า ซิตี้ ธันเดอร์ (ซึ่งก็คือ ซีแอตเทิล ซูเปอร์โซนิคส์ ที่รีแบรนด์ตัวเองใหม่หลังทีมนี้ย้ายเมือง) มีชื่อติดทีมเกมรับยอดเยี่ยมทีมแรก 3 ปีติดต่อกัน (2012-14) และเป็นผู้เล่นที่มีสถิติบล็อกสูงสุดอีก 2 ครั้ง (2012 และ 2013) เหนือสิ่งอื่นใดคือการเป็นสมาชิกคนสำคัญของ โตรอนโต แรปเตอร์ส ชุดแชมป์ NBA ปี 2019 ซึ่งทำให้เขาได้แตะจุดสูงสุดของอาชีพนักบาสเกตบอลจนได้
Photo : globalnews.ca
ในวันคริสต์มาสปี 2019 เขาอยู่กับครอบครัวที่โตรอนโต และในวันนั้นสถานีโทรทัศน์ได้รีรันซีรี่ส์แชมป์ของทีมแรปเตอร์ส อิบากา ได้นั่งดูตัวเองลงแข่งขัน และภาพวันคริสต์มาสเก่า ๆ ก็ย้อนกลับมา ไม่ว่าจะเป็นคริสต์มาสที่ดีหรือแย่ ตอนนี้ทุกอย่างผลักดันให้เขามานั่งอยู่ ณ จุดนี้ จุดที่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาถึง
Photo : globalnews.ca
“การได้นั่งดูเกมของตัวเองผ่านหน้าจอโทรทัศน์ ทำให้ผมตระหนักถึงสิ่งที่ตัวเองทำมาตลอดจนมาถึงจุดที่เป็นอยู่นี้ ผมมองตัวเองและหาเหตุผลมากมายที่ทำให้ผมลงมือทำสิ่งใดหลาย ๆ อย่างในช่วงหลายปี ผมเข้าใจเหตุผลของชีวิตมากขึ้น ผมเห็นตัวเองในแบบที่ไม่เคยเห็น เซิร์จ อิบากา คนที่คอยชี้นิ้วสั่งเพื่อนและตะโกนสั่งการณ์ ผมไม่เห็น เซิร์จ อิบากา ผู้อ่อนแอเมื่อในอดีตอีกแล้ว ตอนนี้ เซิร์จ อิบากา เป็นมนุษย์และเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว ผมได้เห็นว่า 2 ช่วงชีวิตของผมได้ผสมสานกัน จนกลายเป็นสิ่งที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน”
“ความสุขทำให้ผมเป็น เซิร์จ อิบากา กลายเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ ส่วนความยากลำบากทำให้ผมกลายเป็นมนุษย์ที่ไม่เคยยอมแพ้ให้กับอุปสรรค และทั้งสองสิ่งเดินทางมาบรรจบกันได้จน ณ เวลานี้” เซิร์จ อิบากา เล่าเรื่องในหัวข้อ “Why Serge Ibaka is ready to tell his Christmas story”
Photo : www.sergeibakafoundation.com
ทุกวันนี้ เซิร์จ อิบากา คือหนึ่งในนักกีฬาที่ทำงานเพื่อสาธารณะและเยาวชนในแอฟริกาโดยเฉพาะที่ คองโก มากมายหลายโครงการ เขาก่อตั้งมูลนิธิ เซิร์จ อิบากา เพื่อคอยช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่เคยเป็นเหมือนกับเขาเมื่อดีต เขารู้ดีว่าการเติบโตภายใต้สงครามนั้นหล่อหลอมความคิดและทัศนคติให้เด็ก ๆ ในแบบที่แตกต่างกันไป และเขาต้องการนำทางให้เด็กทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีแม้จะไม่มีพ่อแม่ … อย่างน้อยที่สุดเมื่อเด็ก ๆ เหล่านี้เติบโตขึ้นมา จะได้ไม่ต้องรู้สึกเกลียดสิ่งที่ตัวเองเป็นอย่างที่เขาเคยรู้สึกมาก่อน
ทุก ๆ ปีเขาจะกลับไปที่คองโก ไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาจะหอบหิ้วของขวัญมากมาย โดยเฉพาะลูกบาสและรองเท้าบาสดี ๆ เพราะเขารู้ดีว่ากล่องของขวัญสำคัญกับเด็ก ๆ แค่ไหนในช่วงคริสต์มาส … สิ่งที่เด็ก ๆ ได้รับในวันนี้ คือแรงบันดาลใจให้พวกเขาพร้อมเติบโตมาเป็นคนคุณภาพในอนาคต
ไม่ว่าจะคริสต์มาสฉบับความสุขหรือความทุกข์ สุดท้ายแล้ว เซิร์จ อิบากา ก็เรียนรู้อะไรต่าง ๆ มากมายจากเรื่องราวเมื่อครั้งอดีต … จนกระทั่งกลายเป็นยอดนักบาส NBA และเป็นสุภาพบุรุษที่ถูกเรียกว่า Son of Congo จนทุกวันนี้
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.