ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในไทยยังพุ่งต่อเนื่องและผู้เสียชีวิตนับร้อยรายต่อวัน ทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ออกข้อกำหนดปิดกิจการเพิ่มเติม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงถึงมาตรการปิดกิจการ และสถานประกอบการว่า ตามข้อกำหนดฉบับที่ 28 มาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประชาชนใน 13 จังหวัด ที่ประกาศเป็นพื้นที่สูงสุดและเข้มงวด จะห้ามเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ รวมถึง งดการบิน และเดินรถโดยสารเดินทางระหว่างจังหวัด เพื่อไม่ให้เดินทางออกนอกพื้นที่สีแดงเข้ม
ส่วนข้อสงสัยเกี่ยวกับกิจการ และกิจกรรมที่ปิด ก่อนหน้านี้ปิดแน่นอนไปแล้วมี 23 กิจการ อาทิ สถานบันเทิง อาบอบนวด สนามชนไก่ สนามมวย เป็นต้น แต่จะปิดอีก 10 รายการ ตามเจตนาข้อกำหนดฉบับที่ 28 ประกอบด้วย
1.สนามกีฬาทุกประเภท ทั้งแบดมินตัน สนามฟุตซอล บาสเกตบอล สนามฟุตบอล สนามเทนนิส
2.สระว่ายน้ำ เพื่อการเล่นกีฬา หรือกิจกรรมทางน้ำเพื่อสันทนาการ สระว่ายน้ำสาธารณะ
3.ลานกีฬา
4.ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ
5.ศูนย์การเรียนรู้ หรือศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อุทยานวิทยาศาสตร์ และหอศิลป์
6.ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดชุมชน ห้องสมุดเอกชน และบ้านหนังสือ
7.พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถาน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น
8.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเด็กก่อนวัยเรียน
9.ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม หรือแต่งผม ทำเล็บ หรือร้านสัก
10.สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์
หากสถานการณ์โควิดดีขึ้นการผ่อนคลายก็จะตามมา แต่หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น สามารถพิจารณาปิดเพิ่มได้
ส่วนกรณีจำเป็นเปิดได้ มี 3 กรณีคือ 1.สถานรับเลี้ยงเด็ก เฉพาะในโรงพยาบาล และอยู่ค้างคืน หรืออยู่ประจำ 2.สถานดูแลผู้สูงอายุ เฉพาะค้างคืน หรืออยู่ประจำ ไม่อนุญาตในส่วนของการรับชั่วคราว หรือไป-กลับ และ 3.ตลาดนัด เฉพาะส่วนที่ขายอาหาร หรือวัตถุดิบ เพื่อการบริโภคเท่านั้น
“ฝากจังหวัดรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเข้มงวดทั้งตลาดสด และตลาดนัด หากมีพื้นที่เสี่ยงให้ปิดเพิ่มได้”
วันเดียวกัน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ลงนามประกาศสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 38) เพิ่มเติมอีก 10 ประเภท ประกอบด้วย 1.สนามกีฬาทุกประเภท ประเภทในร่ม เช่น สนามแบดมินตัน สนามฟุตซอล สนามบาสเกตบอล สนามวอลเลย์บอล ประเภทกลางแจ้ง เช่น สนามกอล์ฟ สนามซ้อมกอล์ฟ สนามฟุตบอล สนามเทนนิส 2.สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ต่างๆ 3.ลานกีฬา 4.ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม และสถานที่จัดนิทรรศการ 5.ศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา อุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม และหอศิลป์ 6.ห้องสมุดสาธารณะ ห้องสมุดชุมชน ห้องสมุดเอกชน และบ้านหนังสือ 7.พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถาน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงพิพิธภัณฑ์ในลักษณะเดียวกันแหล่งประวัติศาสตร์ หรือโบราณสถาน 8.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเด็กก่อนวัยเรียน 9.ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม ร้านทำเล็บ และร้านสัก 10.สระน้ำเพื่อการเล่นกีฬา หรือกิจกรรมทางน้ำเพื่อการสันทนาการ สระว่ายน้ำสาธารณะหรือกิจการอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน โดยสถานที่ตามข้อ 1-8 ให้ใช้เพื่อให้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขอื่นๆ ของภาครัฐได้ ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม 2564 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น