คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
แฟนๆ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ยุค 1990 คงได้รับชมซีรีส์ “The Last Dance” ทางแอพพลิเคชัน “เน็ตฟลิกซ์” ซึ่งแพร่ภาพราวเดือนเมษายน 2020 จนแทบลืมเนื้อเรื่องกันเสียแล้ว แว่วมาว่า บุคคลที่ถูกมองข้ามจาก ซีรีส์ความยาว 10 ตอน คือ ลุค ลองลีย์ และด้วยเหตุนี้ สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งของออสเตรเลีย จึงหยิบมาสร้างสารคดี 2 ตอน “One Giant Leap” เกี่ยวกับฮีโร่ของพวกเขาโดยเฉพาะ:
ลองลีย์ เป็นเซ็นเตอร์ตัวจริง ชิคาโก บูลล์ส ชุดแชมป์ 3 สมัย (1996-1998) เผยถึงความผิดหวังที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในสารคดี “The Last Dance” เหมือนกับ ฟิล แจ็คสัน เฮดโค้ช, ไมเคิล จอร์แดน, สกอตตี พิพเพน, เดนนิส ร็อดแมน และคนอื่นๆ ซึ่งสุดท้ายคำตอบที่ออกมาจากปาก เจสัน เฮฮีร์ ผู้กำกับซีรีส์ดังกล่าว ระบุว่า ไม่มีงบเดินทางมาถ่ายทำ ที่ออสเตรเลีย
“ผมนั่งบนเก้าอี้ ดูตอนแล้วตอนเล่า ซึ่งผมไม่ได้อยู่ในฉาก มันน่าเบื่อเหลือเกิน ทำไมผมไม่ได้อยู่ในสารคดี บอกตามตรง ผมไม่รู้เลยจริงๆ ชาวออสเตรเลียที่คลั่งไคล้ตัวผม คิดว่า เพราะผมไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร ผมมีบทบาทสำคัญต่อทีม แต่ไม่ใช่คนที่น่าดึงดูด ทีมมีซูเปอร์สตาร์หลายคนที่น่าสนใจกว่า คุณรู้ไหม มันทำให้ผมรู้สึกก็จริงนะ สารคดีนั้นไม่ได้เกี่ยวกับตัวผม มันตรงเผงสุดๆ”
ลองลีย์ ถูก มินเนโซตา ทิมเบอร์วูล์ฟส ดราฟต์อันดับ 7 เมื่อปี 1991 แล้วถูกเทรดให้ บูลล์ส ฤดูกาล 1993-94 หลังแฟรนไชส์คว้าแชมป์ 3 สมัยแรก และ จอร์แดน อำลา NBA เพื่อเล่นเบสบอลอาชีพ ช่วงแรกๆ ที่ยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ เขาเป็นเพียงตัวสำรอง กระทั่งขึ้นตัวจริงถาวร ฤดูกาล 1995-96 ซึ่งเป็นซีซันแรกที่ “เอ็มเจ” คืนสังเวียนแบบเต็มๆ แต่ทั้งคู่ต้องใช้เวลาสักระยะ กว่าจะเชื่อมกันติด
ลองลีย์ เขียนลงหนังสือที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1996 “ผมอยากบอกว่าตอนเขา (จอร์แดน) กลับมา ผมไม่ชอบคนๆ นั้นเลยจริงๆ ผมมองว่าเขาเป็นคนที่เข้าถึงลำบาก เขากับผมแทบไม่มองหน้ากันเลย เราขัดแย้งกันบ่อยๆ ขณะฝึกซ้อม บางทีหากผมมีความเป็นแฟน บูลล์ มากกว่านี้ และพิจารณาเขาอย่างละเอียด ผมคงจะรู้ว่าเขาเป็นอย่างไร”
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เปลี่ยนแปลง เนื่องจาก ลองลีย์ ส่วนสูง 7 ฟุต 2 นิ้ว พิสูจน์ฝีมือว่า เป็นตัวแปรสำคัญสู่ความสำเร็จของ บูลล์ส ทั้งแย่งรีบาวน์ด, เล่นเกมรับแบบวิ่งสู้ฟัด, ป้องกันพื้นที่ใต้แป้น และ เซ็ตสกรีน ซึ่งบทบาทสุดท้าย คือ สิ่งที่ จอร์แดน โหยหามากสุด หลัง ลองลีย์ บาดเจ็บหัวไหล่ ช่วงต้นฤดูกาล 1996-97 “นั่นคือจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างผมกับ ไมเคิล ตอนนั้นเขารู้ว่าผมสกรีนิเก่งแค่ไหน และผมมีประโยชน์อย่างไร”
ลองลีย์ คว้าแชมป์ NBA 3 สมัย ในฐานะขุนพล “กระทิงเปลี่ยว” และเป็นผู้ทำคะแนนสูงสุดอันดับ 4 ของแฟรนไชส์ ช่วยทีมสร้างสถิติดีสุด เฉพาะ 1 ซีซัน 72-10 (ปัจจุบันถูก โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส ทำลายฤดูกาล 2015-16) ฤดูกาล 1995-96 ค่าเฉลี่ย 9.1 แต้ม 5.1 รีบาวน์ด และในฤดูกาลที่เรียกว่า “The Last Dance” เขาทำผลงานดีสุดตลอดอาชีพ 11.4 แต้ม 5.9 รีบาวน์ด 2.8 แอสซิสต์
บูลล์ส เข้าสู่ภาวะแพแตก เมื่อปี 1998 ลองลีย์ ถูกเทรดไป ฟีนิกซ์ ซันส์ รับใช้แฟรนไชส์ 2 ซีซัน ก่อนมีปัญหาบาดเจ็บ ลงสนามแค่ 25 เกม ในซีซันสุดท้ายกับ นิว ยอร์ก นิกส์ 2000-01 ปัจจุบันเขาใช้ชีวิตแบบ โลว์-โปรไฟล์ ที่ประเทศออสเตรเลีย กับภรรยา แอนนา แกร์ เชฟชื่อดัง และได้รับเกียรติบรรจุชื่อเข้าหอเกียรติยศบาสเกตบอลของ ออสเตรเลีย ในฐานะผู้เล่น NBA ชาวออสซี และคว้าแชมป์ NBA มากกว่า 1 สมัยคนแรก
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.