คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เกม “ซันเดย์ ไนท์” สัปดาห์ที่ 4 ของฤดูกาล 2021 ซึ่งถูกขนานนามว่า “The Return” อยู่ในความสนใจของแฟนๆ ส่วนมาก ด้วยไฮไลท์สำคัญ ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็ก แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส จะกลับสู่สนาม ยิลเลตต์ สเตเดียม ในฐานะคู่ต่อสู้ นิว อิงแลนด์ แพทริออตส์ ครั้งแรก หลังสร้างความสำเร็จแก่แฟรนไชส์ 20 ซีซัน คว้าแชมป์ ซูเปอร์ โบว์ล 6 สมัย
นอกเหนือชัยชนะ หลังความปราชัยแก่ แอลเอ แรมส์ 24-34 สัปดาห์ที่แล้ว เบรดี วัย 44 ปี ยังต้องการอีก 68 หลา เพื่อแซง ดรูว์ บรีส์ อดีตควอเตอร์แบ็ก นิว ออร์ลีนส์ เซ็นต์ส (80,358 หลา) ขึ้นอันดับ 1 ผู้เล่นทำระยะสูงสุดตลอดกาล ช่างเป็นเรื่องบังเอิญราวกับว่า มีคนจงใจเขียนสคริปต์เอาไว้ให้ เบรดี ทุบสถิติ NFL ในเกมเยือน แพทริออตส์
สำหรับแวดวงลูกหนัง หลายท่านคงได้ยินวลีติดหูอย่าง “ทฤษฎียิงประตูทีมเก่า” เวลานักเตะคนไหนย้ายสังกัด แล้วต้องมาเผชิญหน้าสโมสรเดิมของตัวเอง เช่น แดนนี อิงส์ กองหน้า เซาแธมป์ตัน ยิงประตูชัยเอาชนะ ลิเวอร์พูล ฤดูกาลที่แล้ว หรือแม้กระทั่ง คริสเตียโน โรนัลโด ยังเคยบุกมายิง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 2013 คราวนี้ลองมาย้อนดูฝั่งอเมริกันดูบ้างว่า ผลลัพธ์ของการกลับมาเจอทีมเก่าจะเป็นอย่างไร
หากยังจำกันได้ เลอบรอน เจมส์ ซูเปอร์สตาร์แห่ง บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เคยหักหลังกองเชียร์ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ย้ายไป ไมอามี ฮีต แบบฟรีเอเจนต์ เมื่อปี 2010 จับมือเพื่อนซี้ ดีเวย์น เหว็ด และ คริส บอช กลายเป็น “บิ๊ก 3” อันลือเลื่อง เพื่อไขว่คว้าแหวนแชมป์วงแรกของอาชีพ หลังแบก “แคฟส์” มานาน 7 ปี ใกล้เคียงสุดเข้ารอบชิงชนะเลิศ แพ้ ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส ขาดลอย 0-4 เกม ฤดูกาล 2006-07
เลอบรอน กลับมาเยือน คลีฟแลนด์ ครั้งแรก วันที่ 2 ธันวาคม 2010 สนามเต็มความจุราว 30 นาที ก่อนทิป-ออฟ ผู้ชมส่งเสียงโห่ลั่นสนาม ช่วง เลอบรอน อบอุ่นร่างกาย และประกาศรายชื่อ 5 ตัวจริง ทว่าไม่มีผลใดๆ เขาทำให้แฟนๆ เงียบกริบ ด้วยผลงานส่อง 38 แต้ม รวม 24 แต้ม เฉพาะควอเตอร์ 3 เอาชนะ คาวาเลียร์ส สบายๆ 118-90 จุดประกายให้ ไมอามี สถิติ 11-8 ก่อนลงสนาม ชนะ 9 เกมรวดนับจากนั้น ส่วน แคฟส์ สถิติ 7-10 แพ้ 33 จาก 34 เกมต่อมา
กลับมายังฝั่ง NFL กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส ตัดสินใจเทรด เบร็ตต์ ฟาฟร์ ควอเตอร์แบ็กระดับตำนาน ไป นิว ยอร์ก เจ็ตส์ ด้วยเหตุผลสำคัญว่า ไม่อยากเห็น ฟาฟร์ อยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อเดือนสิงหาคม 2008 จากนั้น 1 ปีต่อมา ฟาฟร์ ย้ายมาร่วมทัพ มินเนโซตา ไวกิงส์ คู่ปรับร่วมดิวิชัน เอ็นเอฟซี (NFC) เหนือ ทำให้ ฟาฟร์ หลีกเลี่ยงมิได้ที่ต้องเผชิญหน้าทีมเก่า
ฟาฟร์ ในฐานะขุนพล ไวกิงส์ กลับมาเยือน แพ็คเกอร์ส วันที่ 1 พฤศจิกายน 2009 ท่ามกลางเสียงโห่ต้อนรับจากแฟนๆ 71.213 คน ที่แลมโบ ฟิลด์ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เขาคาดไว่อยู่แล้ว “แฟน แพ็คเกอร์ส ย่อมเชียร์ แพ็คเกอร์ส เป็นอันดับแรก ผมหวังว่าทุกคนซึ่งนั่งอยู่จนจบเกม บอกว่า ฉันเกลียดเวลาเห็นเจ้าตัวตลกนั่นเล่นให้คู่แข่ง แต่ผมก็ยังเล่นได้อยู่”
เกมนั้น ฟาฟร์ ขว้างคอมพลีต 17 จาก 28 ครั้ง ระยะ 244 หลา 4 ทัชดาวน์ โดยไม่เสียอินเทอร์เซ็ปต์ เอาชนะ แพ็คเกอร์ส 38-24 และอีก 6 ปีต่อมา ฟาฟร์ กลับสู่อ้อมอก กรีน เบย์ ร่วมพิธีบรรจุชื่อเข้าหอเกียรติยศ พร้อมรีไทร์เสื้อหมายเลข 4 และกล่าวต่อหน้าแฟนๆ “ผมเคยวิ่งออกจากอุโมงค์นั้น (ฝั่งทีมเยือน) แต่ผมชอบเวลาเดินออกจากอุโมงค์นี้ (ฝั่งทีมเหย้า) มากกว่า”
บรรยากาศเกม “ซันเดย์ ไนท์” ของ เบรดี น่าจะไม่แตกต่างจาก ฟาฟร์ ตราบใดที่คุณย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นเรื่องปกติของวงการกีฬาอาชีพ แต่ถ้าวันใดที่ เบรดี รีไทร์เรียบร้อยแล้ว เขาจะกลับมายืนกลางสนาม ยิลเลตต์ สเตเดียม ท่ามกลางการต้อนรับเยี่ยงวีรบุรุษ
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.