ยุคใหม่เชลซี จากเสี่ยหมีสู่ทุนอเมริกัน

เชลซี ฟุตบอล คลับ เดินหน้าสู่ยุคใหม่ไร้เสี่ยหมี โรมัน อบราโมวิช ก้าวไปต่อกับทุนนิยมแบบอเมริกัน

    “ตัวเต็ง” ทอด โบห์ลี และ กลุ่มทุนของเขา “เทก โอเวอร์” อย่างเป็นทางการ หลังเอกสารผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลอังกฤษตามมาตรการพิเศษหลังอายัดทรัพย์สิน โรมัน อบราโมวิช 

    โดยหลังจาก 66 วันที่ เสี่ยหมี ประกาศขายทีม ก่อนโดนอายัดทรัพย์จากรัฐบาลอังกฤษ ข้อหา เครือข่ายกลุ่มทุนธุรกิจ (oligarch) “ท่อน้ำเลี้ยง” วลาดิเมียร์ ปูติน 
 
    มีกลุ่มทุนกว่า 11 รายยื่นข้อเสนอเข้ามายัง ตัวแทนรัฐบาลอังกฤษเพื่อยื่นข้อเสนอซื้อทีมเชลซี ก่อนที่วันเสาร์ที่ 7 พ.ค. จะมีการประกาศตอน 01.37 น. ตามเวลาอังกฤษว่า ทอด โบห์ลี และกลุ่มทุนเคลียร์เลค คือผู้ได้สิทธิ์ในการซื้อทีมเชลซี

    จากนั้นคือขั้นตอนการพิจารณาตามมาตรการพิเศษอายัดทรัพย์เสี่ยหมี ตามด้วย “ธรรมาภิบาล” เจ้าของและผู้บริหารทีม The owners’ and directors’ test หรือ “fit and proper person test” จากพรีเมียร์ลีก

    ซึ่งกลุ่มทุนนี้…ผ่านฉลุย

    ผมเขียนเรื่องนี้ไปตั้งแต่ช่วง มี.ค. และเม.ย. หากจำไม่ผิด ด้วยความมั่นใจส่วนตัวว่ายังไงรัฐบาลอังกฤษไม่ทำร้ายสโมสรและแฟนบอลเชลซี รวมทั้งทำลายทุนวัฒนธรรมหรือ ซอฟต์ พาวเวอร์ ของตัวเองอย่างแน่นอน

    หลังอายัดทรัพย์เสี่ยหมีได้สมใจ…เพราะบอลเข้าทาง อยากเล่นงานมานานแล้ว เชลซีควรต้องอยู่ในมือที่ดูมั่นคงไม่แพ้กัน สโมสรและแฟนบอลคงอยู่ คนที่เข้ามานั้นล้วนแล้วจากไป

    สิ้นยุคเสี่ยหมี

    จากมูลค่าสโมสร 140 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2003 ที่โรมัน อบราโมวิช ซื้อกิจการเชลซี ผ่านไป 19 ปี 19 แชมป์ ทั้งพรีเมียร์ลีก, ชปล, สโมสรโลก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ กวาดหมดทุกรายการมากกว่า 1 ครั้ง

    เสี่ยหมี ใช้เงินลงทุนกว่า 2 พันล้านปอนด์ , ผู้จัดการทีม 13 คนใน19 ปี วันนี้ เชลซีมีมูลค่าสูงถึง 4,250 ล้านปอนด์หรือ 191,250 ล้านบาท

    เสี่ยหมี แถลงการณ์หลังทราบว่าการซื้อทีมเป็นผลแล้วว่า”ขอให้ทีมบริหารใหม่พาเชลซีประสบความสำเร็จทั้งในและนอกสนาม”

    “มันคือเกียรติในชีวิตของผมที่เป็นส่วนหนึ่งของเชลซี ผมอยากขอบคุณทุกคนในสโมสร นักเตะ, สตาฟ, แฟนบอล ทีมบริหาร ตลอดช่วงเวลาอันน่าทึ่ง19 ปี”

    เศร้าใจแทนครับ….

    สำหรับเงิน 4,250 ล้านปอนด์ นั้นจะเข้าบัญชีสโมสรที่ถูกอายัดทรัพย์ก่อนหน้านี้ เพื่อนำไปสมทบทุนองค์กรการกุศลช่วยเหลือผู้ประสบภัยสงครามในยูเครนต่อไป 
ย้อนไปดูไทม์ไลน์ของการเทก โอเวอร์ เชลซี ซักนิดก่อนเข้าเรื่อง

    24ก.พ.: รัสเซียบุกยูเครน Russia invades Ukraine

    26 ก.พ. : เสี่ยหมี มอบการบริหารจัดการสโมสรอยู่ในมือขององค์การกุศลที่มีผู้บริหารเชลซีเป็นหุ้นส่วน 

    2 มี.ค. : อบราโมวิช วางแผนขายสโมสร 

    10 มี.ค. : รัฐบาลอังกฤษอายัดทรัพย์เสี่ยหมี

    5 พ.ค.:  อบราโมวิช ปฏิเสธว่าเขาขอให้เชลซีชำระเงินกู้คืน 1,500 ล้านปอนด์ 

    7 พ.ค. :โบห์ลี ยื่นข้อเสนอสัญญา 4,250 ล้านปอนด์ เพื่อเทก โอเวอร์ เชลซี 

    16 พ.ค.: วงในรัฐบาลอังกฤษระบุว่าการเจรจาซื้อเชลซีอาจล้มเหลว

    24 พ.ค.: พรีเมียร์ลีกผ่าน “ธรรมาภิบาล” เจ้าของและผู้บริหาร fit and proper owner’s & directors test

    25 พ.ค.:  รัฐบาลรับรองการซื้อขายสโมสรเชลซี (ภายใต้มาตรการพิเศษ)

    28 พ.ค.: โบห์ลีและกลุ่มทุน เคลียร์เลค ร่วมลงนามตกลงขั้นตอนสุดท้าย 

    30 May: การซื้อขายเชลซี เป็นผลเรียบร้อย

    โบห์ลีและกลุ่มทุนของเขา

    ทอด โบห์ลี อายุ 48ปี  เป็นเจ้าของร่วมทีมเบสบอลแชมป์เวิลด์ ซีรีส์ 7 สมัยอย่าง แอลเอ ดอดเจอร์ส  (หุ้น 20%)ทีมบาสเกตบอลหญิง แอลเอ สปาร์ค,​แอลเอ เลเกอร์ส ลงทุนกับลิขสิทธิ์เพลง บรูส สปริงทีน , บริษัทพนันกีฬาและเครือข่ายภัตตาคารมากมาย

    มาร์ค วอลเตอร์ เจ้าของร่วมทีมแอลเอ ดอดเจอร์ส และ แอลเอ เลเกอร์ส (หุ้น 27%) ฮันส์ยอร์ก วีสส์ มหาเศรษฐีชาวสวิสเซอร์แลนด์ 

    กลยุทธ์ของกลุ่มนี้ไปรวบรวมผู้มากประสบการณ์อย่าง ลอร์ด แดเนียล ฟิงเคลสไตน์ อดีตคอลัมนิสต์น.ส.พ. เดอะ ไทมส์ รวมทั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาฝั่งพรรคอนุรักษ์นิยมอีกด้วย (ปี2013)   

    อีกคน บาร์บารา ชาโรน เจ้าแม่พีอาร์ ชื่อดังที่ทำงานกับวงการดนตรีระดับโลก เคยร่วมงานกับ มาดอนนา, รอด สจวร์ต และ Depeche Mode  วงดนตรีอังกฤษสไตล์ อิเลคโทรนิก รอค 

    โดยทั้งสองคนนี้ถือตั๋วปีเชลซี  ส่วนตัว บาร์บารา ถือตั๋วปีเชลซีตั้งแต่ปี 1981 โน่นเลย มาเป็นทีมงานร่วมลงทุนด้วย

    กลุ่มนี้เคยยื่นข้อเสนอซื้อเชลซีมาแล้วเมื่อปี 2019 แต่ “เสียหมี” ไม่ขาย

    ทอด โบห์ลี….นั้นสร้างความมั่นคงหลังก่อตั้งบริษัท  Eldridge ที่ลงทุนในธุรกิจหลายแขนง ทั้งบริษัทประกันชีวิต, อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มเทคโนโลยี , บริษัท พนันกีฬาชื่อ  Draftkings , อุตสาหกรรมอาหาร  Aurify Brands  ที่เป็นเจ้าของภัตตาคารLe Pain Quotidien และผลิตภัณฑ์เนยของอเมริกัน Chuck E. Cheese.

    นอกจากนี้เคยรับงานเป็นรักษาการประธานบริหารสมาคมสื่อต่างชาติของฮอลลีวูดอีกด้วย

    Clearlake Capital…. นี่คือบริษัทลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์หรือ equity firm  ที่จะมีบทบาทถือหุ้นใหญ่ในสโมสรเชลซีครั้งนี้  บริหารงานโดย โฮเซ เฟลิเซียโน และ เบห์ดาด เอกห์บาลี  ที่มีมูลฃค่าทรัพย์สินกว่า 5,800 ล้านปอนด์  ลงทุนในธุรกิจกว่า 300 บริษัท เรื่องซอฟต์แวร์, เทคโนโลยี , พลังงาน และ อาหารกับอุตสาหกรรมบริการผู้บริโภค

    ไม่มีธุรกิจกีฬาเลยสำหรับกลุ่มทุน เคลียร์เลค 

    มาร์ค วอลเตอร์… ประธานบริหารของ Guggenheim Partner  บริษัทลงทุนด้านการเงินระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์คและชิคาโก มีทรัพย์สินมูลค่า 250,000 ล้านปอนด์ 

    วอลเตอร์ อายุ 61 ปี เป็นเจ้าของร่วมแอลเอ ดอดเจอร์ส มีหุ้นในทีมแอลเอ เลเกอร์ส  เมื่อปี 2012 เขาคือบุคคลผู้ทรงอิทธิพลอันดับ 8 ในเรื่องธุรกิจกีฬา จัดโดย วาสารธุรกิจกีฬาของสหรัฐ

    ส่วนตัวของเขานั้นลงทุนกับผู้ผลิตและจัดจำหน่ายพืช, อาหารชื่อ  Beyond meat และบริษัทรถเช่าออนไลน์ คาร์บานา เขาและภรรยายังมีศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่า โดยเฉพาะกลุ่มสปีชีส์ ที่ดุร้ายในฟลอริดา อีกด้วย

    ฮันส์ยอร์ก วีสส์…. เขียนไปก่อนหน้านี้แล้วครับ สรุปสั้นๆ ว่าคือมหาเศรษฐีนักธุรกิจชาวสวิสเซอรแลนด์ที่มีทรัพย์สินกว่า 4 พันล้านปอนด์ ในการทำธุรกิจผลิตเครื่องมือการแพทย์ชื่อ Synthes to Johnson & Johnson in 2012.

    เขามีหุ้นในกลุ่ม ไบโอเทค Novocure and Molecular Partners. เขาถูกยกย่องว่าเป็นมหาเศรษญีผู้ใจบุญ ถึงขนาดเซ็นสัญญามอบหุ้นเกินครึ่งหนึ่งของเขาให้องค์การกุศล 

    เขาบริจาคเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม, วิทยาศาสตร์ เป็นมูลค่าสูงถึง 1,600 ล้านปอนด์  ปี 2014 มอบเงินให้มหาวิทยาลัยซูริค และ อีทีเอช ซูริค สองสถาบัน เกือบ 100 ล้านปอนด์

    แน่นอนครับ…สิ่งที่แฟนเชลซีมั่นใจได้่คือตอนนี้สถานภาพสโมสรมั่นคงและนิ่งแล้ว จากนี้ต่อไปแนวทางของ โบห์ลี กับชาวคณะจะทำยังไงต่อไป ทั้งเรื่องสัญญานักเตะ, ทูเคิล แนวทางการซื้อขายนักเตะ

    การหาผู้สนับสนุนทีม, แนวทางการตลาด, การสร้างสนามใหม่…. อะไรก็แล้วแต่… โบห์ลี และทีมงาน ต้องสร้างผลงานที่ไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่เสี่ยหมีสร้างเอาไว้เป็นอย่างดีตลอด 19 ปีที่ผ่านมา

    น่าติดตามเชลซี ยุคใหม่ สไตล์อเมริกัน 

    ดูทรงแล้ว…มีความแตกต่างจากสไตล์เสี่ยหมี แน่นอน

    ไม่ว่าจะเป็นแบบรัสเซียหรืออเมริกันก็แล้วแต่…เชลซีจะยังเป็นทีมแถวหน้าของวงการที่พร้อมลุ้นแชมป์ในทุกสนามแข่งขัน

    ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นแบบนั้น