Thailand Sport Magazine Sponsored

ผู้ชนะได้เขียนประวัติศาสตร์ : เบื้องหลังการขโมยแชมป์บาสเกตบอลโอลิมปิกใน 3 วินาที | Main Stand – TrueID – Sport

Thailand Sport Magazine Sponsored
Thailand Sport Magazine Sponsored

หากเปิด Google เพื่อดูทำเนียบแชมป์กีฬาบาสเกตบอลชายในโอลิมปิก คุณจะพบว่าในการแข่งขันปี 1972 สหภาพโซเวียต คือชาติที่ได้ตำแหน่งนั้นจากการเอาชนะ สหรัฐอเมริกา ในรอบชิงชนะเลิศ

แล้วยังไงต่อ ? … เรื่องนี้มันคงไม่น่าสนใจอะไรหากมันเป็นแค่สถิติหรือประวัติศาสตร์ทั่วไป ทว่าในนัดชิงปี 1972 นั้น คือช่วงเวลาที่พีก แปลกประหลาด และพลิกไปพลิกมาราวกับหนังชีวิต 

เกมนี้ถูกเรียกว่า “การขโมยเกียรติยศ” โดยสื่ออเมริกา เพราะพวกเขาฉลองชัยชนะไปแล้ว แต่กรรมการกลับสั่งให้ไปแข่งใหม่ด้วยเวลาที่เหลือแค่ “3 วินาที”

และ 3 วินาทีนั้นทำให้พวกเขาเหรียญทองกระเด็นจากคอ เกิดอะไรขึ้นบ้าง ติดตามได้ที่นี่ 
 

ยอมกันไม่ได้

หากจะเอ่ยถึงการแข่งกันกีฬาใด ๆ ไม่ว่าจะรายการเล็ก หรือรายการใหญ่ หากเป็นการเจอกันระหว่าง สหภาพโซเวียต เจอกับ สหรัฐอเมริกา เมื่อนั้นมันจะหลุดกรอบของกีฬาไปโดยปริยาย เพราะนี่คือตัวแทนของ 2 ฟากโลก

Photo : ThoughtCo

โซเวียต เป็นตัวแทนของฝั่งคอมมิวนิสต์ พวกเขาคือคอมมิวนิสต์ตัวพ่อ ต่อต้านทุนนิยมอย่างสุดโต่ง ขณะที่ อเมริกา นั้นเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย, ทุนนิยม และเสรีนิยม 

ทั้งสองประเทศมีเครือข่ายของตัวเอง และพวกเขาอยู่ในฐานะหัวหน้า ดังนั้นการเป็นคู่แข่งกันจึงชัดแบบที่สุด เวลาเจอกัน ไม่ว่าในกีฬาชนิดใด ไม่เคยมีใครอยากแพ้ เพราะการเอาชนะอีกฝ่ายนั้นเป็นเหมือนการประกาศกลาย ๆ ว่า “แนวคิดของพวกเราเหนือชั้นกว่า” นั่นเอง 

เช่นนั้นเอง โอลิมปิก หรือกีฬาแห่งมวลมนุษยชาตินั้น จึงเป็นเวทีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะถูกใช้เป็นสนามรบจำลองของทั้งสองชาติ ผ่านการชิงเหรียญทองในเกมการแข่งขัน ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ จนกระทั่ง ถึงการแข่งขันปี 1972 ที่นครมิวนิค ประเทศเยอรมัน และในปีนั้นเอง ที่ทั้งสองชาติได้สร้างวีรกรรมระดับตำนานไว้ในการแข่งขันบาสเกตบอลชายนัดชิงชนะเลิศ 

สหรัฐอเมริกามาพร้อมกับสถิติชนะรวดในโอลิมปิกมา 63 เกม หรือเรียกได้ว่านับตั้งแต่มีการแข่งขันกีฬาแม่นห่วงครั้งแรกในโอลิมปิกเมื่อปี 1936 อเมริกาได้แชมป์ตลอด 


Photo : The Undefeat

ทุกคนรู้ สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าพ่อแห่งบาสเกตบอล … NBA คือการรวมตัวกันของเหล่าปีศาจเแห่งวงการ ดังนั้นถ้าอเมริกาจัดเต็มพิกัดขนดาวดังแห่งยุคอย่าง วิลท์ แชมเบอร์เลน หรือ คารีม อับดุล จาบาร์ มาด้วยแล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าพวกเขาคงแบเบอร์เข้าป้ายคว้าเหรียญทองโดยไม่มีอะไรกั้นเป็นแน่แท้ 

อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันโอลิมปิกยุคนั้น มันมีกฎข้อหนึ่งที่ห้ามนักกีฬาระดับอาชีพลงแข่งขัน เพื่อไม่ต้องการให้เกิดระยะห่างระหว่างผู้เล่นสมัครเล่นกับผู้เล่นระดับโลก ซึ่งว่ากันว่ากฎข้อนี้เป็นกฎที่คณะกรรมการโอลิมปิกที่มาจากประเทศที่ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ลงมติให้ผ่านในที่ประชุม เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการให้สหรัฐอเมริกาได้รับความยิ่งใหญ่จากการแข่งขันนั่นเอง 

เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ ไม่มีใครทราบได้ แต่นั่นก็เป็นเหตุให้สหรัฐอเมริกาต้องส่งเอากลุ่มผู้เล่นสมัครเล่น หรือเล่นในระดับมหาวิทยาลัยมาลงแข่งขัน ซึ่งจะว่าไป เรื่องฝีไม้ลายมือของเด็ก ๆ เหล่านี้ก็มีไม่น้อย เพราะในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าพวกเขาก็จะเข้าระบบดราฟต์สู่ NBA อยู่แล้ว ทว่าเรื่องของประสบการณ์ หรือแม้กระทั่งการมีผู้นำในทีมต่างหากที่ส่งผลโดยตรงกับทีม 

ในโอลิมปิกครั้งนั้น สหรัฐอเมริกา ใช้ตัวนำอย่าง ดั๊ก คอลลินส์ และ ทอม เบอร์เลสัน ที่ในภายหลังกลายเป็นผู้เล่นระดับทีมออลสตาร์ ของ NBA ทั้งสิ้น ดังนั้นต่อให้จะเป็นแค่ผู้เล่นจากทีมระดับมหาวิทยาลัย แต่แต้มต่อของสหรัฐก็ยังเหนือกว่าอยู่ดี ซึ่งผู้เล่นเหล่านั้นก็รู้อยู่แก่ใจตั้งแต่แรกว่า คู่ชิงของพวกเขาจะต้องเป็นโซเวียตอย่างแน่นอน 


Photo : The Undefeat

“สหรัฐอเมริกา และ สหภาพโซเวียต คือ 2 มหาอำนาจจาก 2 ฝั่งของโลก ตอนนี้เราจะต้องมาสู้กันเพื่อครองความยิ่งใหญ่ในบาสเกตบอล … แต่ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราคือราชาตัวจริง และเราจะไม่ทำให้ชาวอเมริกันต้องผิดหวัง เราจะเป็นตัวแทนในการส่งข้อความนั้น (อเมริกาคือมหาอำนาจตัวจริง) เอง” ดั๊ก คอลลินส์ ว่าไว้ 
 

โอกาสดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

สำหรับ สหภาพโซเวียต พวกเขาเก็บงำความแค้นมาก็ไม่น้อย เพราะในอดีตมีถึง 4 ครั้งที่พวกเขาไปถึงรอบชิงชนะเลิศแล้วแต่ก็ต้องมาแพ้ให้กับ สหรัฐอเมริกา ทุกครั้งไป หนนี้พวกเขามีขุมกำลังที่เรียกว่าเป็นดรีมทีมตลอดกาลเลยก็ว่าได้ เพราะผู้เล่นระดับแถวหน้าของโลกอย่าง เซอร์เกย์ เบลอฟ, อเล็กซานเด เบลอฟ, โมเดนตาส พอลลาสคาส และ เกนนาดี โวลนอฟ ต่างก็อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดในชีวิต และผู้เล่นในทีมชุดนั้นอีกหลายคนก็มีเชื้อชาติลิธัวเนีย ชาติที่มีบาสเกตบอลเป็นกีฬายอดนิยมอันดับ 1 นั่นจึงทำให้พวกเขาคิดว่านี่คือโอกาสดีที่สุดในรอบหลายปี 

เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศของสหรัฐอเมริกานั้นไม่ต้องพูดถึง พวกเขาลุยเขามาถึงรอบชิงชนะเลิศแบบสบาย ๆ ขณะที่สหภาพโซเวียตเอง ปีนั้นก็เป็นปีที่มีเกมรุกร้อนแรง พวกเขาทำแต้มได้มากมาย โดยเฉพาะในเกมกับ เปอร์โตริโก ที่ชนะไป 100-87 แต้ม 


Photo : EuroHoops

ดังนั้นจะมีอะไรเหมาะกับการมาเจอกันในนัดชิงชนะเลิศยิ่งกว่านี้ นี่คือช่วงเวลาที่อเมริกาจะสานต่อความยิ่งใหญ่ ขณะที่โซเวียตก็มั่นใจเรื่องศักยภาพในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และอเมริกาก็รู้ดีว่าการเจอกันครั้งนี้จะต่างไปจากที่เคยเจอ 

“การต่อสู้กับพวกโซเวียตครั้งนี้จะเป็นอะไรที่พิเศษกว่าที่เคย พวกเขาเก๋าเกม และมีความเชี่ยวชาญในการคุมจังหวะเกมจากประสบการณ์ที่ล้นเหลือ” ไมค์ แบนทอม หนึ่งในสมาชิกของอเมริกาชุด 1972 ว่าไว้

เมื่อเกมมาถึง นี่คือศึกที่คนทั้งโลกเฝ้ารอ สื่อกีฬาจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาชมเกมนั้นเต็มความจุ … โซเวียต เปิดเกมแบบเครื่องร้อนประมาณนึง พวกเขานำเด็กจากมหาวิทยาลัยชาวอเมริกันในช่วงพักครึ่ง 26-21 ซึ่งที่บอกว่าประมาณนึงเพราะ เหล่าหนุ่ม ๆ วัยหน้าเปื้อนสิวก็มีของ กับการรักษาช่องว่างที่ตามไว้ที่ระหว่าง 4-8 แต้มได้ตลอด

ด้วยความที่เป็นเกมที่ “แพ้ไม่ได้” ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โซเวียต เริ่มเล่นนอกเกม พวกเขาให้ มิเคอิล โครเคีย ยั่วยุตัวทำแต้มหลักของอเมริกาอย่าง ดไวท์ โจนส์ จนโดนไล่ออกจากสนามไปทั้งคู่ และจากนั้นไม่นานผู้เล่นของโซเวียตที่ชื่อว่า อิวาน ดวอร์นี ก็โดนไล่ออกหลังป่วนฝั่งตรงข้ามจากม้านั่งสำรอง และตามด้วยการที่ อเล็กซานเดอร์ เบลอฟ ทำฟาวล์หนักใส่ จิม บรูวเวอร์ส ของอเมริกาจนเจ็บหนักต้องออกจากเกมไปอีกราย 

มันจะด้วยความตึงเครียดหรือเหตุใดไม่มีใครรู้ แต่การที่ โซเวียต ใช้ผู้เล่นมือบ๊วย ๆ ของตัวเองมายั่วผู้เล่นมือ 1 มือ 2 ของอเมริกาจนโดนไล่ออกนั้น ฝั่งที่ได้ประโยชน์ย่อมเป็นโซเวียตอย่างไม่ต้องสงสัย 


Photo : EuroHoops

จากเหตุการณ์นั้นทำให้ โซเวียต ผงาดขึ้นมาในทันที พวกเขาไล่ทำแต้มด้วยความเหนือชั้นและเก๋าประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม เด็ก ๆ จากอเมริกามีของมากกว่าที่คิด พวกเขาเริ่มใช้กลยุทธ์เข้าเพรส กดดันจนฝั่งโซเวียตเล่นพลาดเอง และค่อย ๆ ลดช่องว่างมาทีละนิดจนเกมออกมาสูสี

กระทั่ง 3 วินาทีสุดท้าย มีการฟาวล์เกิดขึ้น ผู้เล่นโซเวียตหัวเสียสุด ๆ จากการเสียลูกโทษให้กับอเมริกา 2 ลูก นั่นเท่ากับว่าหากมือสังหารของอเมริกาชู้ตลงทั้งหมด พวกเขาจะขึ้นนำ 1 แต้ม ภายในระยะเวลาที่เหลือแค่ไม่ถึง 3 วินาที … เป็นอีกครั้งที่แม้จะสูสีแค่ไหน แต่ผลลงท้ายก็เหมือนเดิม สหรัฐอเมริกาคือเจ้าพ่อแห่งบาสเกตบอลตัวจริงเสียงจริง เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป … ยกเว้นเสียแต่ว่ามีอย่างที่ผิดแปลกไปเกิดขึ้น ! 
 

ฟื้นจากความตาย

หลังจากผู้เล่นของอเมริกาชู้ตจุดโทษลงทั้ง 2 ลูก ทำให้พวกเขาพลิกกลับมานำ 50-49 ฝ่ายโค้ชโซเวียตได้ไปโวยกับทางกรรมการข้างสนามว่า พวกเขาได้ขอเวลานอกหลังการยิงลูกโทษลูกแรก แต่ทำไมกรรมการจึงไม่ให้ เดิมทีกรรมการไม่ฟังเสียงนั้น จนกระทั่งมีการสั่งการมาจากโต๊ะคณะกรรมการที่ให้คะแนน … 


Photo : ESPN 

เกิดการสอบถามและวิเคราะห์หาข้อเท็จจริงในช่วงเวลาสั้น ๆ จากการสอบถามไปยังกรรมการในสนาม ปรากฏว่า ผู้ตัดสินได้ยืนยันว่า เขาไม่ได้ยินเสียงของเวลานอกหรือเห็นสัญญาณจากฝั่งโซเวียตแต่อย่างใด นั่นทำให้จังหวะดังกล่าวเกิดการโต้แย้งกันในเวลาถัดมาว่า จริง ๆ แล้วฝ่ายโซเวียตขอเวลานอกจริงหรือไม่ ? 

จากเวลาที่ควรจะหมด กลายเป็นการถกเรื่องราวกันยาวเหยียด สุดท้ายคณะกรรมการการแข่งขั้นทั้งหมด 5 เสียง ต้องลงมาหาข้อยุติเรื่องนี้ ในขณะที่ผู้เล่นอเมริกาเตรียมจะเฮกับเหรียญทองแล้วแท้ ๆ 

คำวินิจฉัยในวันนั้นคือ คณะกรรมการเชื่อว่าโค้ชของโซเวียตได้ขอเวลานอกจริง เพราะโดยเทคนิคแล้ว นี่คือขั้นตอนที่เป็นพื้นฐานในการทำลายสมาธิ และเป็นจังหวะการหยุดเกมที่โค้ชคนไหนก็ทำกันทั้งนั้น คณะกรรมการที่โต๊ะให้คะแนนจึงลงมติว่าเป็นความผิดพลาดของฝ่ายจัดการแข่งขัน 

บทสรุปก็คือพวกเขาต้องกลับมาแข่งกันด้วยเวลา 3 วินาที … ในขณะที่สกอร์นั้น อเมริกา นำอยู่ 50-49 และเป็นโอกาส 3 วินาทีให้ โซเวียต เริ่มเซ็ตเกมบุกเพื่อทำแต้มที่ต้องการอย่างน้อย 1 แต้มเพื่อต่อเวลาพิเศษ …


Photo : Dayton Daily

ทว่า โซเวียต ทำไม่ได้ ! ผู้เล่นอเมริกาเฮกันเป็นรอบที่ 2 พวกเขาคิดว่าจะจบแล้ว แต่สุดท้ายมันยังไม่จบ เพราะว่านาฬิกาสนามมีปัญหาในการตั้งเวลา ทำให้การเล่นเพลย์เมื่อสักครู่ของ โซเวียต นั้นเป็นโมฆะ 

นี่คือคำตัดสินที่ทำให้โซเวียตเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ขณะที่ผู้เล่นอเมริกาหัวเสียสุดขีด มีการประท้วงกันอย่างจริงจัง พวกเขาแทบจะวอล์คเอาท์จากการแข่งขันแล้ว แต่ก็โดนขู่ว่าหากไม่ทำการแข่งขันให้จบ อเมริกา จะโดนตัดสิทธิ์ในการแข่งขันบาสเกตบอลในโอลิมปิกหลังจากนี้

“หลายคนบอกว่าทำไมพวกเราถึงไม่วอล์คเอาต์ล่ะ ? ผมบอกได้เลยว่า ตอนนั้นมีคนมาขู่เราแล้ว ถ้าเราไม่กลับไปเล่น เราจะต้องโดนทำโทษและริบความสำเร็จที่เคยมี ดังนั้นผู้เล่นของอเมริกาจึงต้องกลับไปยังสนามอีกครั้ง” คอลลินส์ ผู้เล่นของอเมริกาในวันนั้นกล่าว 


Photo : Bleacher Report

สติของผู้เล่นอเมริกาแตกกระเจิง พวกเขาหลุดจากเกมไปเรียบร้อยแล้ว และนั่นทำให้ 3 วินาทีก็มากพอสำหรับโซเวียต อเล็กซานเดอร์ เบลอฟ จัดการทำสองแต้มสุดท้ายของเกม ให้ โซเวียต พลิกกลับมาชนะ 51-50 คะแนน 

หนนี้ไม่มีรีเพลย์ซ้ำ ๆ มีแต่กลุ่มผู้เล่นโซเวียตที่วิ่งดีใจกันและปล่อยให้ผู้เล่นอเมริกันแทบคลั่งตาย พวกเขาประท้วงแล้วประท้วงอีกแต่มติของคณะกรรมการยังคงเป็นเช่นเดิม … 3 ใน 5 เป็นตัวแทนจากชาติคอมมิวนิสต์ แม้เราจะไม่มีทางรู้ว่ากรรมการแต่ละคนโหวตอะไร แต่ที่แน่ ๆ สหรัฐอเมริกา แพ้ด้วยคะแนนโหวต 2 ต่อ 3 เสียง โดยมีกรรมการ 3 คนบอกว่าการได้แชมป์ของ สหภาพโซเวียต ถูกต้อง 100% 

“ถ้าเราชนะ ผมภูมิใจที่ได้เหรียยญทอง ถ้าเราแพ้ ผมก็ภูมิใจที่สู้เต็มที่และได้แค่เหรียญเงิน แต่นี่ไม่ใช่ เราไม่ได้แพ้เพราะเราไม่เอาไหน แต่เราแพ้เพราะเราโดนโกง” ไมค์ แบนทอม ผู้เล่นของทีมอเมริกาว่าไว้ 


Photo : The Guardian 

“การแพ้ให้กับ โซเวียต ในเกมนั้นคือการทำลายความภาคภูมิใจของชาติ ไม่ว่ามันจะยุติธรรมหรือไม่ แต่เด็กหนุ่มที่อายุไม่เกิน 23 ปี ทั้ง 12 คนนี้ ได้กลายเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง พวกเขากลายเป็นเครื่องมือสำหรับการประกาศความสำเร็จของโซเวียต คล้ายๆ กับการเป็นหนึ่งในผู้สร้างยานสปุตนิก 1 ชัดๆ” มาร์ค ไฮส์เลอร์ ผู้เล่นอีกคนของทีมกล่าวถึงเรื่องนี้ในภายหลัง

ไม่ต้องเถียงกันให้มากความ ทุกคนต่างรู้กันลึก ๆ ในใจว่า เกมการแข่งขันเมื่อปี 1972 มันไม่ปกติ หลายสิ่งดูผิดเพี้ยนไป และมันช่างเชิญชวนให้เชื่อว่าการเอาชนะในการแข่งขันครั้งนั้นของโซเวียต เปรียบดั่งส่วนหนึ่งของสงครามเย็น ที่พวกเขาตั้งใจจะเบ่งใส่อเมริกา …

ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวและมันอยู่กับผู้ตัดสินทั้ง 5 คน ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาคิดอะไรอยู่จึงมีมติลงคะแนนเช่นนั้น … แต่ที่แน่ ๆ อิวาน เอเดสช์โก ผู้เล่นของทีมโซเวียตในยุคนั้นเคยออกมาพูดในภายหลังว่า เขาไม่รู้สึกแปลกใจที่ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นทำให้เกิดความขุ่นเคืองกับอเมริกันทั้งประเทศ สิ่งที่ เอเดสช์โก กล่าวคือ มันก็แค่ความพ่ายแพ้ ที่พวกเขาไม่เคยอยากได้ มันเป็นสิ่งที่คนอเมริกันเกลียดที่สุด และไม่ต้องการแพ้ในการแข่งขันใด ๆ สักอย่าง …. ส่วนเรื่องที่ว่าโกงหรือไม่ เอเดสช์โก ก็ตอบในฐานะคนโซเวียตว่า


Photo : The Guardian 

“ทีมอเมริกันย่อมรู้สึกโกรธเคืองและแค้นใจ ผมว่ามันไม่ถูกต้องนักหรอกที่จะยังโกรธกันแบบนั้น … เพราะนี่มันคือสงครามเย็น” เอเดสช์โก กล่าวผ่านสารคดีของ HBO ที่จัดทำขึ้นในปี 2002 

“อเมริกันเป็นเช่นนี้เสมอมา พวกเขาเติบโตและมีความภาคภูมิใจในประเทศ พวกเขาไม่เคยคิดจะแพ้ ไม่อยากเป็นฝ่ายสูญเสียในเรื่องใด ๆ ก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งเรื่องบาสเกตบอล” 

ส่วนผู้เล่นของสหรัฐอเมริกา ต่างก็เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ยากเย็นนัก กาลเวลาผ่านไปพวกเขาก็พอจะคาดเดาอะไรได้ ตอนที่พวกเขายังเป็นหนุ่ม พวกเขาเด็กและหัวอ่อนเกินกว่าจะเชื่อว่าจะมีใครกล้า “โกง” (ในมุมมองของชาวอเมริกัน) แต่เมื่อพวกเขาโตขึ้น หรืออีก 30 ปี ต่อมา พวกเขาจึงได้เข้าใจว่า เพื่ออำนาจ และความยิ่งใหญ่นั้น สำหรับบางคน พวกเขายอมทำทุกอย่างโดยไม่อายและไม่เกรงกลัวต่อความผิดนั้น

พวกเขายอมทำทุกทางเพื่อเป็นผู้ชนะ ส่วนผู้แพ้นั้นจะไปพูดอะไรได้นอกเสียจากทำใจอยู่กับสิ่งเหล่านั้น หรือไม่ก็หาทางแก้แค้นให้ได้ในทางใดทางหนึ่ง เพราะที่สุดแล้วไม่ว่าจะได้มาด้วยวิธีใด แต่ผู้ชนะเท่านั้นที่เป็นคนเขียนประวัติศาสตร์


Photo : The Guardian 

“ผมเคยคิดนะว่าการแพ้นัดเดียวปล่อยให้เวลารักษาแผลใจสัก 2-3 ปีก็น่าจะหาย … แต่เชื่อเถอะสำหรับความผิดหวังบางเรื่อง มันจะอยู่กับคุณไปทั้งชีวิตนั้นแหละ” เคนนี่ เดวิส นักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาว่าเช่นนั้น 

แหล่งอ้างอิง

https://www.nytimes.com/2012/07/29/sports/olympics/three-seconds-of-the-munich-olympics-that-never-seem-to-run-out.html

https://bleacherreport.com/articles/1259046-usa-vs-ussr-more-than-just-a-game-1972-olympics

https://www.huffpost.com/entry/stolen-glory_b_1710545

https://en.wikipedia.org/wiki/1972_Olympic_Men%27s_Basketball_Final

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

>> ทำไมลูกบาสเกตบอลถึงเป็นสีส้มมาทุกยุคทุกสมัย ? | Main Stand

>> บันไดสู่อเมริกันเกมส์ : ตีแผ่ความจริงอีกด้านที่มืดมนของกีฬามหา’ลัยอเมริกา | Main Stand

ดูสดฟรี!! ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์ พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ >> คลิกที่นี่

อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! bit.ly/2PsYXMG หรือ กด *301*32# โทรออก

Thailand Sport Magazine Sponsored
ผู้สื่อข่าว กีฬา

ข่าวกีฬา นักกีฬา กีฬา ในร่ม indoor outdoor ต้องทำ sport ให้เป็น กีฬา หลักของประเทศ ดูข้อมูล กอล์ฟ บาสเก็ตบอล ฟุตบอล ว่ายน้ำ วอลเล่ย์บอล มวย แข่งรถ แบดมินตัน และ อีสปอร์ต Dedicated to all sport news from Thailand, with news updates, stories and event reports on many different types of sporting activities that the Thailand currently holds, across all of the asia.

This website uses cookies.