เผยแพร่: ปรับปรุง:
โรเบิร์ต ซาร์เวอร์ เจ้าของทีมจอมฉาว เริ่มกระบวนการขาย ฟีนิกซ์ ซันส์ และ ฟีนิกซ์ เมอร์คิวรี แฟรนไชส์ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) และ ดับเบิลยูเอ็นบีเอ (WNBA) ตามลำดับ
ซาร์เวอร์ คลอดแถลงการณ์ฉบับวันพุธที่ 21 กันยายน “ในฐานะคนๆ หนึ่งที่มีศรัทธา ผมเชื่อมั่นในการชดใช้ และการยกโทษ ผมคาดหวังว่าการลงโทษแบน 1 ปี ของประธาน NBA น่าจะทำให้ผมมีเวลาโฟกัส, ชดใช้ความผิด และลบปมอื้อฉาวของตัวเองออกจากทีมอันเป็นที่รักของผมและแฟนๆ จำนวนมาก”
“แต่เมื่อมาถึงจุดที่ไม่สามารถอภัยกันได้ จึงกลายเป็นความเจ็บปวดอย่างที่มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว และสิ่งดีๆ ที่ผมเคยสร้างไว้ หรือยังสามารถทำได้ ถูกกลบด้วยสิ่งที่ผมเคยพูดไว้ในอดีต ด้วยเหตุผลเหล่านั้น ผมกำลังเริ่มหาคนซื้อกิจการ ซันส์ และ เมอร์คิวรี”
อดัม ซิลเวอร์ ประธาน NBA สนับสนุนการขายทีมของ ซาร์เวอร์ “นี่เป็นก้าวต่อไปที่เหมาะสมสำหรับองค์กรและชุมชน”
ซาร์เวอร์ วัย 60 ปี ถูกแบน 1 ปี ปรับเงิน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 374 ล้านบาท) สัปดาห์ที่แล้ว หลังผลการสอบสวนของ NBA ระบุว่า ใช้ถ้อยคำเหยียดผิว (N-word) อย่างน้อย 5 ครั้ง พาดพิงถึงบุคคลอื่น และแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อลูกจ้างหญิง โดยใช้ภาษาสองแง่สองง่าม และคำพูดไม่เหมาะสมเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของลูกจ้าง
ซาร์เวอร์ ซื้อแฟรนไชส์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2004 มูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 15,000 ล้านบาท) คิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด แม้ไม่ใช่เจ้าของทีมเพียงคนเดียว แต่ถือสัดส่วนหุ้นมากสุด ขณะที่ “ฟอร์บส” สื่อด้านการเงินของ สหรัฐอเมริกา ประเมินมูลค่า ซันส์ ไว้ 1.8 พันล้านเหรียฐสหรัฐ (ประมาณ 67,000 ล้านบาท)
คณะกรรมการของ NBA ดำเนินการสอบสวนตามกระแสรายงานข่าวของ “อีเอสพีเอ็น (ESPN)” เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 เกี่ยวกับค่านิยมเหยียดผิวและเหยียดเพศ ตลอดการบริหารงานของ ซาร์เวอร์ อันยาวนาน 17 ปี และนับตั้งแต่ลีกแถลงผลการตัดสิน เลอบรอน เจมส์ ซูเปอร์สตาร์ แอลเอ เลเกอร์ส, คริส พอล และ เดรย์มอนด์ กรีน แสดงความเห็นว่า เป็นการลงโทษที่เบาเกินไป