23 มกราคม 2564
| โดย ทัศนีย์ สาลีโภชน์
1,329
อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันทำให้ ‘อาคาริ’ ต้องสูญเสียทั้งพ่อแม่ และการมองเห็น
‘รูอิ’ นักกีฬาคิกบ็อกซิ่งอนาคตไกลต้องเสียอนาคต เพราะความผิดพลาดที่เคยทำในอดีต
คนสองคนที่มีชีวิตเงียบเหงา เปล่าเปลี่ยวเดียวดายได้โคจรมาพบกัน ตกหลุมรักกัน
ทำให้แสงสว่างกลับมาสู่ชีวิตของทั้งคู่ได้อีกครั้ง
แต่การพบกันของทั้งสองไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่น่าดีใจ เพราะพวกเขาไม่รู้ตัวว่า
โชคชะตาเคยนำพาทั้งคู่ให้เจอกันมาก่อนด้วยอุบัติเหตุสุดโหดร้าย
และโชคชะตาก็กำลังจะทำให้ทั้งสองต้องสูญเสียอีกครั้ง
การกลับมาระบาดเป็นระลอกที่สองของ ‘โควิด-19’ ทำให้ช่วงต้นปี 2564 นี้มีหนังใหม่เข้าโรงภาพยนตร์ให้ดูกันน้อยเป็นประวัติการณ์ แต่จำนวนที่น้อยไม่ได้หมายถึงคุณภาพ และความน่าดูที่น้อยตามไปด้วย อย่างเช่นภาพยนตร์เรื่อง ‘Your Eyes Tell สัมผัสนั้น..ไม่มีวันลืม’ หนังรักโรแมนติกจากญี่ปุ่นที่อาจทำให้คุณหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งออกมาได้อย่างไม่รู้ตัว
‘Your Eyes Tell สัมผัสนั้น..ไม่มีวันลืม’ ที่กำลังเข้าฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ขณะนี้เป็นผลงานการกำกับของ ‘ทาคาฮิโระ มิกิ’ ที่คอหนังชาวไทยอาจเคยได้ดูผลงานของเขากันมาบ้างแล้วในหนังเรื่อง Tomorrow I Will Date with Yesterday’s You
ในส่วนของดารานำนั้นได้นักแสดงรุ่นใหม่ที่กำลังฮอตสุดๆ อย่าง ยูริโกะ โยชิทากะ ไอดอลสาวสวยฝีมือดีที่มีรางวัลนักแสดงหน้าใหม่จากเทศกาลหนังโยโกฮาม่าเป็นเครื่องการันตี
พระเอก ริวเซย์ โยโกฮามา นั้นมีรางวัล ‘Yahoo! Search Award 2019’ รางวัลบุคคลแห่งปี และรางวัลบุคคลที่ถูกค้นหาบนอินเทอร์เน็ตมากที่สุดเป็นเครื่องการันตีความฮอต ทว่า ริวเซไม่ได้พกพามาแค่ความหล่ออย่างเดียว แต่เขายังมาพร้อมความทุ่มเทเต็มร้อย ยอมทำน้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 10 กิโลกรัม และเทรนนิ่งหุ่นอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นนักกีฬาคิกบ็อกซิ่ง สมกับบทบาทที่ได้รับ
ในส่วนความสมจริงของการต่อยมวยนั้นก็ไม่ต้องห่วง เพราะริวเซเคยเป็นนักกีฬาแชมป์โลก ‘คิวคุชินคาราเต้’ สมัยมัธยม และนั่นคือเหตุผลสำคัญที่ผู้กำกับ ทาคาฮิโระ มิกิ บอกว่า “ริวเซเหมาะที่จะเล่นเป็นพระเอกซึ่งเป็นนักกีฬาคิกบ็อกซิ่งที่สุด”
เรื่องย่อของ ‘Your Eyes Tell สัมผัสนั้น..ไม่มีวันลืม’ มีอยู่ว่า ‘รูอิ’ อดีตนักกีฬาคิกบ็อกเซอร์ฝีมือดีหนีจากการเป็นคนทวงหนี้ให้แก๊งมาเฟีย และใช้ชีวิตอย่างซังกะตายไปวัน ๆ ระหว่างที่กำลังทำงานอยู่นั้นเขาได้เจอ ‘อาคาริ’ หญิงสาวตาบอดผู้มีนิสัยร่าเริงแม้จะผ่านเรื่องเศร้ามามากมาย ทั้งสูญเสียสายตาและพ่อแม่จากอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน
ตั้งแต่วันที่ได้เจอกัน อาคาริก็แวะมาหารูอิทุกวัน และพารูอิออกมาจากโลกแสนเศร้าเข้าสู่ด้านสว่างของชีวิต ในขณะที่หัวใจของทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้น รูอิกลับค้นพบความจริงว่าเขาเคยทำผิดจนไม่น่าให้อภัย มีทางเดียวที่จะชดใช้ความผิดนั้นได้คือเขาต้องชดใช้และเดิมพันมันด้วยชีวิต
ยูริโกะ โยชิทากะ รับบท อาคาริ สาววัยทำงานผู้สูญเสียการมองเห็นจากอุบัติเหตุ เธอจึงเตรียมตัวด้วยการพูดคุย และเรียนรู้การใช้ชีวิตจริงของผู้พิการทางสายตา ตั้งแต่การทำอาหาร การแต่งหน้า แล้วยังไปเรียนรู้การนวดจนเชี่ยวชาญเลยทีเดียว
ก่อนถ่ายทำเธอได้ลองใช้ไม้เท้าเดิน และลองปิดตาทำอาหารเพื่อให้เข้าใจความรู้สึก และข้อจำกัดทางกายภาพของตัวละครให้ได้ดีที่สุด แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการพูดคุยกับคนอื่นโดยที่ไม่มองตาคู่สนทนา ซึ่งเธอต้องฝึกอย่างหนัก
ตัวละคร อาคาริ เป็นคนที่ภายนอกสดใส แต่ในใจกลับไม่เคยยกโทษให้ตัวเองที่เป็นต้นเหตุอุบัติเหตุครั้งนั้น ยูริโกะต้องเอาความสามารถทางการแสดงของเธอมาสื่อความซับซ้อนของความรู้สึก และยิ้มออกไปแบบเปื้อนความเศร้า ซึ่งเป็นผลงานที่น่าทึ่งมาก
นอกจากความสามารถด้านการต่อสู้ (ดีกรีอดีตแชมป์คาราเต้โลกสมัยมัธยม) ผู้กำกับทาคาฮิโระ มิกิ ยังเลือก ริวเซย์ โยโกฮาม่า มารับบท รูอิ ด้วยเหตุผลที่เขาเป็นนักแสดงที่สามารถแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าได้อย่างน่าประทับใจ
รูอิ เป็นตัวละครที่เงียบขรึม ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความกดดัน และความเสียเปรียบทางสังคมมากมาย การแสดงออกทางสีหน้าของนักแสดงจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ตัวละครนี้สมบูรณ์ เพราะเขาต้องแสดงให้ผู้ชมเห็นถึงความขัดแย้งในจิตใจ และความเศร้าผ่านทางร่างกาย และการแสดงออกทางสีหน้า ซึ่งเป็นความท้าทายที่นักแสดงหนุ่มคนนี้ต้องเผชิญ
“สิ่งที่ริวเซย์มีเสน่ห์มากคือความสามารถในการแสดงออกทางหน้าตาของเขา ซึ่งมันเหมาะกับบทของตัวละครที่ซ่อนความรู้สึกไว้ภายใน และผมคิดว่ามันต้องทำให้ฉากสุดท้ายออกมาสมบูรณ์
ส่วนฉากต่อสู้ ผมได้ดูวีดิโอตอนเขาชนะการแข่งขันคาราเต้ คุณจะเห็นได้เลยว่าเขาเป็นคนที่มีร่างกายที่ว่องไวคล่องแคล่ว ความเป็นนักกีฬาของเขาทำให้ผมประทับใจมาก เพราะนอกจากการเป็นนักแสดงที่น่าทึ่งแล้ว บทนี้ต้องการคนที่มีร่างกายแข็งแกร่งด้วย ริวเซย์จึงเป็นตัวเลือกแรกของผมสำหรับบทนี้ เพราะฉากต่อสู้คือการแสดง นักแสดงจะต้องสามารถต่อสู้แบบไม่โดนตัวกันแบบที่คนดูต้องเชื่อได้ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีพื้นฐานคิกบ็อกซิ่ง แต่พอเราลองให้เขาแสดงท่าทาง เขาก็ทำได้ใน 5 นาที เรามั่นเลยว่าเขาต้องทำให้ฉากต่อสู้สนุกแน่นอน”
เท่านั้นยังไม่พอ ริวเซย์ที่งานยุ่งสุดขีดเพราะกำลังฮอต มีงานไม่เว้นแต่ละวัน แต่เขากลับหาเวลาออกกำลัง เทรนหุ่นอย่างมีวินัย แล้วมาถ่ายทำด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 10 กิโลกรัม และหุ่นกำยำแบบนักกีฬาคิกบ็อกซิ่งจริงๆ
ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของภาพยนตร์ ‘Your Eyes Tell สัมผัสนั้น..ไม่มีวันลืม’ ก็คือได้วงบอยแบนด์ที่ดังระดับโลกอย่างวง ‘บีทีเอส’ (BTS) มาแต่งและร้องเพลงประกอบให้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่วงบีทีเอสทำเพลงประกอบภาพยนตร์เลยทีเดียว
“จองกุก (น้องเล็กวงบีทีเอส) เขียนเพลงนี้ขึ้นหลังจากได้อ่านบท และดูฉากในภาพยนตร์”
ทีมงานของหนังเรื่องนี้บอกว่าอยากได้เพลงช้าที่เข้ากับธีมของภาพยนตร์ ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะให้ศิลปินต่างชาติเขียนเพลงให้ตรงกับเรื่องราวที่พวกเขาอยากได้ แต่โชคดีที่ BTS ซึ่งเป็นวงเกาหลีใต้ แต่ออกอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว กำลังวางแผนทำอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นพอดี เมื่อทีมงานส่งบทภาพยนตร์ไปให้ ทางวงก็ตอบตกลงและได้ส่งตัวอย่างเพลงมาหลายเพลง
แต่เพลงที่ทีมงานญี่ปุ่นตื่นเต้นและชอบมากคือเพลง Your Eyes Tell ที่ ‘จองกุก’ น้องเล็กของวง BTS เป็นคนเขียนขึ้น มันเป็นเพลงบัลลาดทรงพลังที่ดีกว่าที่ทีมงานคาดหวังไว้มาก โดยผู้กำกับทาคาฮิโระชอบเพลงนี้มากถึงจนขนาดที่เอาไปใส่ในภาพยนตร์ (จะเป็นซีนไหนต้องไปลุ้นกัน) แทนที่จะใช้แค่ตอนเอนด์เครดิตเหมือนเพลงประกอบทั่ว ๆ ไป
ในส่วนของดนตรีประกอบภาพยนตร์ ผู้กำกับทาบทามศิลปินญี่ปุ่น mio-sotido ซึ่งเขาเคยร่วมงานกันมาก่อน เพราะเขาอยากได้ดนตรีประกอบที่ไม่อิงกับภาพยนตร์มากไป แต่มีระยะห่างที่พอเหมาะ และจะช่วยให้ภาพยนตร์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
“ภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างมีอารมณ์ที่ซับซ้อน ผมเลยขอให้เธอทำเพลงที่เรียบๆ และสื่อสารแบบตรงไปตรงมา และ mio-sotido ก็ได้นำเสนอดนตรีประกอบที่เป็นตัวของเธอเอง เรียบง่ายแต่กลับช่วยขับความเข้มข้นของอารมณ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้”
อาคาริ นางเอกของเรื่องประสบอุบัติเหตุสูญเสียการมองเห็น แต่ผู้กำกับทาคาฮิโระ มิกิ ไม่ได้นำเสนอภาพของเธอออกมาในแค่บทคนที่มองไม่เห็นเท่านั้น แต่พยายามทำให้คนดูรู้สึกถึงความรู้สึกข้างในของอาคาริ รวมไปถึงการรับรู้ในเรื่องต่าง ๆ ของเธอ เช่น กลิ่น ด้วย
“เราตั้งใจให้ผู้ชมรับรู้ถึงความรู้สึกมากกว่าภาพบนหน้าจอ คือคุณจะดูเฉยๆ ก็ได้ แต่เราอยากให้คุณรู้สึกถึงประสบการณ์ผ่านสัมผัสอื่นๆ เช่น รูอิ จะมีกลิ่นตัวอย่างไร เราเลยตั้งใจใส่เอฟเฟคบางอย่างเมื่อเราเล่าถึงความรู้สึกของอาคาริ”
ผู้กำกับมิกิพูดถึง Your Eyes Tell ว่าไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องของความรักอย่างเดียว แต่มันเล่าเรื่องการให้อภัย การให้อภัยความรู้สึกผิดของตัวเอง นั่นคือความจริงจังและความใส่ใจที่อาคาริมี ซึ่งทำให้การให้อภัยกลายเป็นแก่นหลักของเรื่อง ซึ่งการเล่าเรื่องความรักของผู้ใหญ่เป็นความท้าทายใหม่สำหรับผม
พบกับ ‘Your Eyes Tell สัมผัสนั้น..ไม่มีวันลืม’ ภาพยนตร์ที่จะทำให้เราได้สัมผัสอีกครั้งว่า…การรักคนอื่นอย่างหมดใจเป็นอย่างไร…..ได้แล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.