ตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี 2563 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2563 รวมทั้งสิ้น 12,868 ราย นั้น
ปรากฎว่ามีชื่อของ 4 นักกีฬาคาราเต้ทีมชาติไทยที่สร้างคุณงามความดี สร้างคุณประโยชน์แก่สังคม และสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศชาติให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักแก่วงการคาราเต้ระดับนานาชาติ โดยคนแรกคือ “เบส” ศุภ งามพึงพิศ นักกีฬาต่อสู้ชายที่คว้าเหรียญทองซีเกมส์ได้ 2 สมัยติดต่อกัน คนที่สองคือ “น้ำผึ้ง” มนสิชา สกุลรัตนธารา นักกีฬาประเภทร่ายรำ ที่สามารถคว้าเหรียยทองแดงในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2018 และเหรียญทองแดงซีเกมส์ 2 สมัย คนที่สามคือ “จ้าจีน” ณีรนุช แตงเลี้ยง นักกีฬาต่าสู้ที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาคาราเต้ระดับเยาวชนคนแรกที่คว้าแชมป์เอเชียได้ถึง 3 สมัย รองแชมป์เอเชียอีก 1 สมัย และคนสุดท้ายคือ ไอย์กะ โอกาซากิ ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ที่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและสร้างประวัติศาสตร์เขย่าเวทีโลกด้วยการเป็นคนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลกและยังได้ร่วมแข่งขันยูธโอลิมปิกเกมส์ 2018 อีกด้วย
ศุภ งามพึงพิศ เปิดเผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจมากที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และก็ขอยินดีกับรุ่นน้องทั้ง 3 คนด้วยเช่นกัน
ขณะที่ ณีรนุช แตงเลี้ยง กล่าวว่า รู้สึกดีใจและภูมิใจมากๆ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ถือว่าเป็นรางวัลอันทรงเกียรติของชีวิต
ด้าน มนสิชา สกุลรัตนธารา เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติของครอบครัว ขอขอบคุณสมาคมกีฬาคาราเต้
ไอย์กะ โอกาซากิ กล่าวว่า ภูมิใจมากๆที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ถึงแม้ว่าตัวจะอยู่ญี่ปุ่นแต่หัวใจเป็นไทยอย่างแน่นอน
สำหรับ ศุภ งามพึงพิศ, มนสิชา สกุลรัตนธารา, ณีรนุช แตงเลี้ยง ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้น 6 เหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ ส่วน ไอย์กะ โอกาซากิ ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้น 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.