นายพลคนใหม่ชื่อพลเอก Alexander Dvornikov ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพทางใต้ของรัสเซีย
นักรบวัย 60 คนนี้เคยสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองในครั้งที่นำหน่วยรบรัสเซียที่ซีเรีย
มีชื่อด้านกร้าวและดุ พร้อมจะใช้ทุกวิถีในสนามรบเพื่อบดขยี้ศัตรู
แต่สงครามในซีเรียกับยูเครนมีความแตกต่างกันในหลายด้าน
อะไรที่เคยเป็นความสำเร็จในอดีตจะรับประกันความสำเร็จในสมรภูมิที่มีปัจจัยแห่งเซอร์ไพรส์หลายๆ ด้านหรือไม่ ไม่มีใครรับรองได้
แต่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็สรุปตรงกันว่า นี่กำลังจะเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสู้รบกันมากว่าเดือนครึ่งแล้ว
ขณะที่สงครามด้านเศรษฐกิจ, ไซเบอร์, ข่าวสารยังเดินหน้าเพิ่มความร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง
และจำนวนผู้ลี้ภัยยูเครนที่หนีตายทุกวันยังเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะมีโอกาสสงบ
เพราะยังไม่มีสัญญาณใดๆ ที่จะบอกว่าจะมีการเจรจาเพื่อนำไปสู่การหยุดยิงทั่วประเทศแต่ประการใดเลย
นักวิเคราะห์ทางทหารเห็นตรงกันว่า เป้าหมายหลักของรัสเซียในตอนนี้คือการยึดพื้นที่ทางตะวันออกของภูมิภาค Donbas ที่มอสโกยังไม่สามารถควบคุมได้อย่างถนัดถนี่นัก
มีความแตกต่างไปจากการศึกระยะแรกของความขัดแย้งที่เข้าสู่สัปดาห์ที่ 7 อย่างเห็นได้ชัด
การเปลี่ยนแปลงสภาพสงครามที่ว่านี้บังคับให้ยูเครนต้องสู้รบตามแบบแผนที่ใช้รถถัง ปืนใหญ่ และเครื่องบิน
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการปะทะกันบนพื้นราบที่แห้งแล้ง เป็นผลให้ฝ่ายรัสเซียใช้ประโยชน์จากความเหนือกว่าในด้านยุทโธปกรณ์
แต่กระนั้น ทหารรัสเซียก็ต้องเผชิญกับแรงต่อต้านของทหารยูเครนอย่างหนักในหลายๆ สนามรบ
ทหารยูเครนสร้างความประหลาดใจให้กับผู้พบเห็นด้วยการแสดงความอึด, ปรับตัว และใช้ยุทธวิธีแบบบ้านๆ ต้านทหารรัสเซียที่หลายหน่วยมีความไม่คุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศและการใช้อาวุธในสมรภูมิ
มาคราวนี้รัสเซียย่อมไม่ยอมจะทำความผิดพลาดซ้ำสอง
หน่วยเสริมของรัสเซียเริ่มทยอยมาอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นรถถังและหน่วยปืนใหญ่ รวมถึงกองกำลังที่ถอนจากพื้นที่รอบๆ เคียฟ เพื่อเตรียมการสำหรับการโจมตีทางเหนือของเมือง Izyum ของยูเครน
ใครดูทีวีรัสเซียก็จะสังเกตได้จากภาพที่แสดงให้เห็นว่ากองทัพรัสเซียเริ่มเคลื่อนทัพไปยังภูมิภาค Donbas จากพื้นที่ทางตอนเหนือของยูเครน
การปะทะกันตามแนวติดต่อใน Donbas และพื้นที่ใกล้เคียงเกิดขึ้นอย่างดุเดือดทุกวัน
เห็นได้ชัดว่ากองกำลังของรัสเซียพยายามจะดันไปทางใต้ของ Izyum เพื่อสร้างความได้เปรียบทางยุทธการภาคพื้นดิน
ฝ่ายยูเครนและตะวันตกบอกว่าแนวรบใหม่จะระเบิดอย่างเต็มที่เมื่อใดย่อมขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวของฝั่งมอสโก
เชื่อกันว่าหลังจากการปรับแผนและสรุปบทเรียนจากการทำศึกมาหลายสัปดาห์แล้ว ทหารรัสเซียกดดันให้มีการรุกอย่างรวดเร็วด้วยกองกำลังที่มีอยู่
หรือรอ 2-3 สัปดาห์เพื่อจัดทัพใหม่ให้สอดคล้องกับแผนการรุกในรูปแบบที่จะไม่ทำความผิดพลาดซ้ำความล้มเหลวเดิม
เจ้าหน้าที่ยูเครนวิเคราะห์ว่า เป้าหมายของมอสโกน่าจะไปไกลกว่าแค่การยึดภูมิภาค Donbas
มีความเป็นไปได้ว่าปูตินจะพยายามที่จะทำลายล้างหน่วยรบที่แกร่งกล้าที่สุดของยูเครนในสมรภูมิ Donbas จากนั้นจึงจะกรีฑาทัพเพื่อยึดส่วนที่เหลือของประเทศ
นั่นหมายรวมถึงเมื่องหลวงกรุง Kyiv ด้วย
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เรียกร้องให้ตะวันตกเร่งส่งความช่วยเหลือทางด้านอาวุธมาให้กับหน่วยรบยูเครนก่อนการสู้รบรอบใหม่จะตูมตามขึ้น
เขาเชื่อว่าปูตินยังไม่ได้ละทิ้งความทะเยอทะยานที่จะปราบยูเครนให้ราบคาบ
“รัสเซียยังคิดฝันในภาพลวงตาของตัวเอง โดยพยายามจะจัดทัพใหม่เพื่อจะปราบเราให้สิ้นซาก
และนั่นหมายความว่าเราต้องการเห็นตะวันเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรให้หนักขึ้นและส่งอาวุธมาให้เราอย่างเร่งรัดและหนักหน่วงขึ้น” ผู้นำยูเครนวาดภาพให้เห็นชัดเจน
อย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน Dmytro Kuleba บอกกับรัฐมนตรีต่างประเทศนาโตในวันไปประชุมร่วมกันที่กรุงบรัสเซลส์ว่า
“เราต้องการ 3 อย่าง : อาวุธ, อาวุธและอาวุธ”
พร้อมตอกย้ำว่า “เราเพียงต้องการอาวุธจากท่านเท่านั้น ส่วนชาวยูเครนพร้อมสละชีพเพื่อรักษาอธิปไตยและเสรีภาพของเรา…และถ้าท่านช่วยเรายันรัสเซียเอาไว้ในบ้านเราได้ สงครามก็จะจำกัดวงอยู่ในยูเครนเท่านั้น ท่านทั้งหลายก็จะได้ปลอดภัย ไม่ต้องทำสงคราม…”
สงครามครั้งหน้านี้ใหญ่หลวงนัก–สำหรับทุกฝ่ายในความขัดแย้งครั้งนี้.
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.