เมื่อคืนที่ผ่านมารัสเซียออกมาอ้างว่าได้โจมตียูเครนอย่างหนักจนทำให้มีทหารยูเครนเสียชีวิตไปถึง 600 นาย โดยการโจมตีนี้มีขึ้นเพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับทหารรัสเซียที่เสียชีวิตจากการโจมตีของยูเครนในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทางการยูเครนออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีทหารยูเครนเสียชีวิตตามที่รัสเซียได้กล่าวอ้าง
เมื่อคืนที่ผ่านมา ( 8 ม.ค.)โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย อิกอร์ โคนาเชนคอฟออกมาแถลงว่า กองทัพรัสเซียได้ใช้ขีปนาวุธโจมตีฐานทหารชั่วคราว 2 จุดของกองทัพยูเครนในเมืองครามาทอสก์ของแคว้นโดเนตสก์ และการโจมตีได้คร่าชีวิตทหารยูเครนได้ถึง 600 นาย
โดยโคนาเชนคอฟระบุว่า ปฏิบัติการนี้เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับทหารรัสเซียที่เสียชีวิตจากการที่ยูเครนยิงขีปนาวุธถล่มฐานทหารในเมืองมาคิอิฟกา เมื่อคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา
ยูเครน ลั่นพร้อมรับมือ-โต้กลับ หากรัสเซียคิดล้างแค้น
“เซเลนสกี” ระบุ รัสเซียเตรียมแก้แค้น หลังถูกโจมตีฐานทหาร
หลังการแถลงของโฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ทางการยูเครนก็ออกมาแย้งทันทีโดยนายกเทศมนตรีเมืองครามาทอสก์ระบุว่า รัสเซียได้โจมตีฐานทหารยูเครนในเมืองครามาทอสก์จริง แต่ไม่มีใครเสียชีวิต ทั้งพลเรือนและทหาร มีเพียงความเสียหายที่โรงเรียน 2 แห่งและอาคารอพาร์ทเมนท์ 8 แห่งในเมือง
ส่วนชาวเมืองก็บอกเช่นเดียวกันว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการโจมตีมีเพียงบ้านเรือนและอาคารบางแห่ง แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต
สื่อยูเครนหลายสำนักระบุว่า รัสเซียอ้างแบบนี้เพื่อต้องการกลบเกลื่อนความล้มเหลวที่เกิดขึ้นหลังจากเมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา
รัสเซียได้สูญเสียทหารมากที่สุดในคราวเดียวคือประมาณ 400 นาย หลังจากที่ยูเครนยิงขีปนาวุธถล่มวิทยาลัยอาชีวะศึกษาในเมืองมาคิอิฟกาของแคว้นโดเนตสก์
ทั้งนี้ทหารที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ในวันนั้นเป็นกำลังพลสำรองที่ถูกเกณฑ์มารบ ไม่ใช่ทหารประจำการหรือทหารอาชีพ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้มีภาพของการออกมาแสดงความไม่พอใจของชาวรัสเซีย มีการตั้งคำถามถึงยุทธวิธีของกองทัพรัสเซียและความรับผิดชอบของผู้บัญชาการรบที่ทำให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
การตอบโต้กันอย่างดุเดือดกันตั้งแต่ต้นปีเกิดขึ้นในวันที่มีกระแสข่าวว่า ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียกำลังเตรียมระดมพลอีกครั้งเพื่อโจมตียูเครนครั้งใหญ่อีกรอบ
สำนักข่าวที่รายงานประเด็นนี้คือสำนักข่าวมอสโก ไทม์ ของรัสเซีย ได้รายงานเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า หัวหน้าหน่วยข่าวกรองเอสโตเนียบอกว่า รัสเซียเตรียมเรียกระดมพลครั้งที่สองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
สอดคล้องกับสำนักข่าวเดอะการ์เดียนที่รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวจากยูเครนระบุว่า รัสเซียเตรียมระดมกำลังพลจำนวน 5 แสนนาย ภายในเดือนมกราคมนี้เช่นกัน หลังจากที่เพิ่งประกาศระดมกำลังพล 3 แสนนายเมื่อเดือนกันยานยนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการระดมพลสำรองครั้งแรกของรัสเซียนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
ในการระดมพลเมื่อเดือนกันยายน ประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วง และผู้ชายที่อยู่ในข่ายถูกเกณฑ์ไปรบ จำนวนมากหนีออกนอกประเทศ
นอกจากรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีปูตินอาจมีการระดมพลสำรองอีกรอบแล้ว อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่เป็นสัญญานว่า รัสเซียอาจมีการโจมตียูเครนครั้งใหญ่คือ ความเคลื่อนไหวที่ประเทศเบลารุส
เบลารุสมีชายแดนติดกับประเทศยูเครน และชายแดนที่เป็นกลายเป็นยุทธศาตร์ที่สำคัญคือ ชายแดนด้านทิศใต้ซึ่งติดกับทางทิศเหนือของยูเครน
ชายแดนด้านนี้กลายเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญเนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากกรุงเคียฟของยูเครน โดยจุดที่ใกล้ที่สุดคือ 80 กิโลเมตรเท่านั้น ด้วยทางหลวงที่มีสภาพดี การเดินทางจากชายแดนเบลารุสมาที่กรุงเคียฟจึงใช้เวลาไม่นานนัก
24 กุมภาพันธ์ปีที่แล้วซึ่งเป็นวันที่รัสเซียบุกยูเครน ทหารรัสเซียส่วนกรีฑาทัพเข้ามาทางด้านนี้เพื่อหวังยึดกรุงเคียฟแต่ไม่สำเร็จ
ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกของเบลารุส หลายฝ่ายคาดการณ์ว่ารัสเซียอาจทำเช่นนั้นอีกครั้ง ถ้าต้องการรุกคืบเข้ากรุงเคียฟรอบใหม่ ทำไมจึงมีคาดการณ์เช่นนั้น มีหลายสัญญาน
สัญญานแรกคือการขยายการซ้อมรบร่วมระหว่างรัสเซียกับเบลารุส โดยการซ้อมรบร่วมเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ประธานาธิบดีปูติน พร้อมด้วยเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปเยือนเบลารุสอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา
ในวันนั้นผู้นำรัสเซียระบุว่า ทั้งรัสเซียและเบลารุสกำลังเจอกับภัยคุกคามความมั่นคง และทั้งสอง 2 ชาติตกลงกระชับความร่วมมือทางการทหารด้วยการซ้อมรบและดำเนินกิจกรรมทางทหารอื่นๆ ที่เข้มข้นมากขึ้น
หลังจากนั้น รัสเซียก็มีการทยอยขนทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามาที่เบลารุส ก่อนจะมีการปล่อยภาพการซ้อมรบออกมาเป็นระยะๆ
ภาพจากสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ได้รับจากกระทรวงกลาโหมของเบลารุสเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา
เป็นภาพการซ้อมรบระหว่างทหารรัสเซียและเบลารุส เกิดขึ้นในพื้นที่หนาวเย็นท่ามกลางหิมะขาวโพลนในป่าที่ไม่ไกลจากชายแดนยูเครนมากนัก
มีการใช้เทคนิคต่างๆ ทั้งการจำลองสถานการณ์การเข้าจู่โจมแบบ Urban Walfare และการฝึกยิงขีปนาวุธจากรถถัง
หลังจากนั้นในวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีลูคาเชนโกก็ปรากฎตัวที่ฐานทหารแห่งหนึ่งทางด้านตะวันตกของประเทศเพื่อเยี่ยมทหารรัสเซียที่ประจำการที่นั่น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ลูคาเชนโกได้บอกกับทหารเหล่านั้นว่า หน่วยรบของกองทัพอากาศรัสเซียพร้อมแล้วที่จะปฏิบัติการในภารกิจที่ตั้งใจไว้ ยากที่จะตีความว่าสิ่งที่ผู้นำเบลารุสพูดหมายถึงอะไร
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่า เบลารุสอาจช่วยอะไรรัสเซียมากไม่ได้ทางด้านการทหารเพราะมีกองทัพที่เล็ก
โดยเบลารุสมีทหารประจำการอยู่ราว 45,000 นาย และที่พร้อมรบในสนามรบเพียง 15,000 นายเท่านั้น
สิ่งที่เบลารุสอาจพอช่วยรัสเซียได้คือ ให้รัสเซียใช้พื้นที่ในการประจำการทหารเพื่อเป็นฐานในการเข้ารุกยูเครนอีกครั้งเหมือนกับที่เคยทำเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีความคล้ายคลีงกับปีที่แล้วอย่างยิ่ง นั่นก็คือ มีการซ้อมรบร่วมก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน
ล่าสุดมีรายงานว่า วันนี้รัสเซียและเบลารุสตัดสินใจขยายการซ้อมรบร่วที่ออกไปอีก โดยนอกเหนือจากการขยายเวลา
มีรายงานว่า รัสเซียได้ขนอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามาในเบลารุสเพิ่มขึ้นอีกด้วย