ทำเอาชาวเน็ตฮือฮาไม่น้อย เมื่อสื่อดังแดนมะกันเปิดประเด็นใหญ่ผ่านบทสัมภาษณ์ “แม่มด” ในบ้านเกิดของ “ลิโอเนล เมสซี่”
เรียกว่าสร้างความฮือฮาไม่น้อย เมื่อสื่อดังแห่งแดนมะกันอย่าง The New York Times ขึ้นพาดหัวข่าวครึกโครมว่าเบื้องหลังความสำเร็จราวกับเวทมนต์ของ “ลิโอเนล เมสซี่” (Lionel Messi) กับทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่เพิ่งคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ด้วยการดวลจุดโทษชนะ ทีมชาติฝรั่งเศส 4-2 หลังเสมอกันมาในเกมส์ 120 นาทีแบบสุดมันส์ 3-3 นั้น มาจากการกรีฑาทัพเหล่าแม่มดหลายร้อยชีวิตในบ้านเกิดของ “เมสซี่” มาช่วยร่ายมนต์เสริมพลังและช่วยปกป้องนักเตะซุปตาร์คนนี้รวมทั้งเพื่อนร่วมทีมฟ้าขาวของเขา (คลิกที่นี่อ่านข่าวต้นฉบับ)
ภาพจาก: Getty Images
ภาพจาก: nytimes.com
ตามข่าวบอกว่าทางสื่อดังได้ส่ง 2 ผู้สื่อข่าวไปพบกับเหล่าแม่มดที่เมืองโรซาริโอ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ “เมสซี่” ที่อาร์เจนติน่า และได้พูดคุยกับ “มากาลี มาร์ติเนซ” (Magali Martinez) ผู้เป็นตัวตั้งตัวตีของการรวบรวมเหล่าแม่มดทั่วอาร์เจนติน่าเพื่อร่วมพลังกันช่วย “เมสซี่” ในครั้งนี้ เนื่องจากเธอพบว่านักเตะคนดังกำลังต่อสู้กับคำสาปเหนือธรรมชาติที่เรียกว่า “ตาปีศาจ” (Evil Eye) ซึ่งนั่นส่งผลให้ อาร์เจนติน่า พลิกล็อคแพ้ ซาอุดิอาระเบีย มาในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่มและเป็นเกมแรกของฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ของพวกเขาที่กาตาร์
แต่เพราะไม่อาจจะต่อสู้หรือรับมือกับคำสาปเหนือธรรมชาตินี้ได้ด้วยตัวคนเดียว จึงโพสต์ขอความร่วมมือจากเหล่าแม่มดทั่วอาร์เจนติน่าผ่านทางทวิตเตอร์ เพื่อร่วมด้วยช่วยกันปกป้องคุ้มครอง “นักเตะผู้เป็นความหวังของอาร์เจนติน่า” และเพื่อนร่วมทีมของเขาให้รอดพ้นจากคำสาปชั่วร้ายและเก่าแก่นี้ ซึ่งโพสต์นี้มีการแชร์ต่อนับพันครั้งและมีแม่มดจากทั่วอาร์เจนติน่าร่วมร่ายมนต์คุ้มครอง “เมสซี่” กันหลายร้อยคน ทำให้เกมนัดหลังจากนั้น อาร์เจนติน่า สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นอีกเลยจนกระทั่งก้าวขึ้นคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 และเป็นแชมป์แรกในรอบ 36 ปี นับแต่ปี 1986 ได้สำเร็จ
ภาพจาก: Getty Images
ภาพจาก: Getty Images
อย่างไรก็ตามงานนี้ ก็พูดได้ว่าคนที่ได้อ่านก็มีทั้งเชื่อและไม่เชื่อกับประเด็นที่ทาง The New York Times นั้นนำเสนอ เพราะแฟนบอลที่ติดตามฝีเท้าของ “เมสซี่” วัย 35 ปี ก็จะรู้กันดีถึงพรสววรค์และความเป็นอัจฉริยะลูกหนังที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักของเขาคนนี้ โดยเฉพาะเมื่อฟุตบอลโลกครั้งนี้มีข่าวว่าเขาประกาศไว้ว่าจะเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้าย จึงไม่น่าแปลกที่ “ลิโอเนล เมสซี่” จะทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อทำผลงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำประตูหรือแอสซิสต์ให้เพื่อนยิง จนสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะที่ลงเตะฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายและทำประตูรวมทั้งแอสซิสต์มากที่สุด นอกจากนี้เขายังคว้ารางวัล Golden Ball ที่มอบให้กับ “ผู้เล่นยอดเยี่ยม” ประจำทัวร์นาเมนต์นี้ไปครองด้วย
ภาพจาก: Getty Images
ภาพจาก: Getty Images
ภาพจาก: Getty Images
ภาพจาก: Getty Images