ในวงการวิ่งเพื่อสุขภาพ จะกล่าวขานกันว่า
“ใครไม่เคยวิ่งสนามจอมบึง ไม่ใช่นักวิ่งที่แท้จริง”
เพราะที่นี่…คือตำนานของการจัดงานวิ่ง ที่อาจจะเรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
เกือบ 4 ทศวรรษแล้ว “จอมบึงมาราธอน” ยังยืนหยัดอยู่คู่นักวิ่งทั่วประเทศ
ย้อนประวัติไปเมื่อปี พ.ศ. 2528 อาจารย์ของวิทยาลัยครูหมู่บ้านจอมบึงกลุ่มหนึ่ง สนใจการวิ่งเพื่อสุขภาพ
โดยมี อาจารย์ณรงค์ เทียมเมฆ และอาจารย์สมจิต สง่าพันธุ์ เป็นผู้ริเริ่ม
ครั้งนั้นมีผู้วิ่งไม่ถึง 100 คน เก็บค่าสมัครคนละ 20 บาท
จุดเริ่มต้นอยู่ที่วัดเขาบิน เส้นชัยอยู่ที่ถ้ำจอมพล
นับตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา จำนวนผู้ร่วมกิจกรรมมีมากกว่า 5,000 คน
จากแรกเริ่ม 10 กม. และ 21.1 กม.ในชื่อของ “จอมบึงครึ่งมาราธอน” อันโด่งดัง
ต่อมาในปี 2542 ปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา
คณะกรรมการจัดงานจึงได้ประเดิม จัดวิ่งฟูลมาราธอน ระยะทาง 42.195 กม. เป็นครั้งแรก
พร้อมกับเปลี่ยนชื่องานป็น “จอมบึงมาราธอน” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน
ผมหยิบเอาบางส่วนของบทความเก่าๆ ของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ที่เขียนเล่าความเป็นมาของงานวิ่งสุดคลาสสิก “จอมบึงมาราธอน” มาให้แฟนๆ ไทยรัฐสปอร์ต ได้รู้จักกันพอสังเขป
เพราะในวันอาทิตย์ที่ 15 ม.ค. นี้แล้ว
ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ร่วมกับมูลนิธิวิทยาลัยหมู่บ้านจอมบึง และภาคีเครือข่าย
เตรียมกลับมาจัด “สสส.จอมบึงมาราธอน ครั้งที่ 36”
ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในธีม Challenge of the legend
หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมา ในปี 64 และ 65 การจัดงานต้องถูกเลื่อนออกไปยาวข้ามปี
เนื่องจากการระบาดของไวรัสมฤตยู โควิด-19 ที่เล่นงานผู้คนทั่วทั้งโลก..อย่างไม่มีละเว้น
นักวิ่งหลายคนเคยบอกผมว่า ไปวิ่งที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าวิ่งที่จอมบึง
เพราะมนตร์เสน่ห์ของอำเภอเล็กๆ แห่งจังหวัดราชบุรีแห่งนี้ มีบรรยากาศหลายอย่างที่ไม่เหมือนที่อื่น
ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศที่เย็นสบายในช่วงหน้าหนาวกลางเดือนมกรา
กลิ่นอายความเป็นชนบท ท่ามกลางธรรมชาติ ที่ดึงดูดนักวิ่งจากทั่วสารทิศทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่มารวมตัวกันนับหมื่นชีวิต
ที่สำคัญความร่วมมือของผู้คนในชุมชน ที่ออกมาต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือนด้วยความยินดี
ซึ่งตรงนี้แหละ..เป็นอะไรที่หาซื้อกันไม่ได้
จนกลายเป็นความประทับใจของปอดเหล็กทุกคนที่ได้มาวิ่งที่นี่
สำหรับสนามจอมบึงมาราธอนครั้งนี้ จะมีนักวิ่งเข้าร่วมกว่า 10,000 คนเหมือนเคย
โดยมีทั้ง ระยะมาราธอน, ฮาล์ฟมาราธอน และมินิมาราธอน ให้เลือกวิ่งกันตามถนัด
ซึ่งเส้นทางวิ่งทั้ง 3 ระยะ ได้รับการวัดอย่างเป็นทางการจากผู้เชี่ยวชาญสหพันธ์กรีฑานานาชาติ
และการแข่งขันได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากสมาคมมาราธอนและวิ่งถนนนานาชาติ (AIMS-Association of International Marathons and Road Races)
หน่วยงานที่รับรองมาตรฐาน เส้นทางวิ่งมาราธอนระดับสากล
รวมทั้งเป็นสนามที่ได้รับอนุญาตจัดการแข่งขันตามกติกาของสหพันธ์กรีฑา นานาชาติ (IAAF) และสหพันธ์กรีฑาแห่งเอเชีย (AAA)
ภายใต้การกำกับดูแลของสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะยกระดับตัวเอง เข้าสู่สนามวิ่งนานาชาติ และมาราธอนมาตรฐานโลก..ต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้
ให้สมกับสโลแกนอมตะที่บอกกันว่า
นี่คือ “งานวิ่งประเพณีชาวบ้าน ที่มีมาตรฐานสากล” ของแท้ และดั้งเดิม
ที่ยากจะเลียนแบบ
– บี บางปะกง –
joggingboy_be@yahoo.com