Thailand Sport Magazine Sponsored
Categories: กรีฑา

‘ซู ปิ่งเทียน’ความภาคภูมิใจของจีน และตำนานแห่งเอเชีย (3)-CRI – China Radio International

Thailand Sport Magazine Sponsored
Thailand Sport Magazine Sponsored



Highlight การแข่งขันสุดเร้าใจของซู ปิ่งเทียน เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายนปี 2018 คือในการแข่งขันของสหพันธ์กรีฑาระหว่างประเทศระดับ World Challenge ที่กรุงมาดริดเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. และระดับ Diamond League ที่กรุงปารีสเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2018 นักวิ่งขวัญใจชาวจีนผู้นี้สร้างผลงาน 9.91 วินาที ต่อเนื่องกันภายในเวลา 8 วัน เทียบเท่าสถิติแห่งเอเชียที่เป็นของ Femi Ogunode นักวิ่งผิวดำที่เปลี่ยนสัญชาติจากไนจีเรียเป็นกาตาร์ หมายความว่า ซู่ ปิ่งเทียน เป็นชาวเอเชียผิวเหลืองที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก และเป็นเจ้าของสถิติวิ่ง 100 เมตรแห่งเอเชีย ร่วมกับนักวิ่งกาตาร์ที่ไม่ใช่คนเอเชียแท้

หลังจากนั้น 2 เดือน ซู ปิ่งเทียนคว้าแชมป์จากการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชายรอบชิงชนะเลิศของเอเชียนเกมส์ที่จากาตาร์ ด้วยเวลา 9.92 วินาที ทำให้เจ้าลมกรดมีความเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มสูงเป็นอีกขั้น เขากล่าวในงานแถลงข่าวของแชมป์เอเชียนเกมส์ว่า “ขอพูดตรงๆ อย่างซื่อสัตย์ ผมคิดว่าคนเอเชียสามารถวิ่ง 100 เมตรด้วยเวลา 9.85 วินาที” พอได้ยินคำพูดของเจ้าลมกรดจีน ผู้สื่อข่าวจากประเทศต่างๆ อดตื้นตันไม่ได้ ใครสามารถทำได้? เมื่อไหร่? ที่ไหน? เป็นคำถามที่ทุกคนอยากได้คำตอบ เจ้าลมกรดจีนพูดต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ อย่างมีพลังว่า “อันที่จริงผลงาน 9.85 วินาทีใช่ว่าแตะต้องไม่ได้ ผมสามารถสร้างขึ้นมาได้หรือไม่ คงยากที่จะตอบได้ แต่ผมมั่นใจว่าคนเอเชียวิ่งเร็วถึงขั้นนี้ได้ ภายหลังที่ผมวิ่งถึง 9.91 วินาทีได้สองครั้ง ผมยิ่งเชี่อมั่นว่าคนผิวเหลืองมีศักยภาพก้าวหน้าอีกขั้น แต่ขณะนี้ผมก็เป็นคนที่เข้าใกล้ผลงานนี้อย่างไม่มีข้อจำกัด”

ปรากฏว่า ซู ปิ่งเทียนเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ต่อจากนั้น 3 ปี บนเวทีกรีฑาสูงสุดของโอลิมปิกโตเกียว เขาสร้างสุดยอดผลงาน 9.83 วินาทีและเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายในฐานะนักกีฬาวิ่งเร็วที่สุดในรอบรองชนะเลิศ ไม่เพียงแต่ทำลายสถิติแห่งเอเชียเป็นผลสำเร็จ ยังสามารถสร้างสถิติ 9.85 วินาที ข้ามข้อกำจัดของเวลาการวิ่ง 100 เมตรของคนผิวเหลือง ที่ประเมินและกำหนดโดยวงการกรีฑาโลกอย่างเป็นเอกฉันท์มานาน ทำให้เว็บไซต์ทางการของมหกรรมกีฬาโอลิมปิกโตเกียวลงบทความชื่นชมผลงานมหัศจรรย์นี้ว่า ในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรที่นักกีฬาผิวดำได้แชมป์มาโดยตลอด คนผิวเหลืองที่เป็นชาวเอเชียแท้แทบไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของงานกีฬาโอลิมปิก เพราะนักกีฬาเอเชียสร้างผลงานน้อยกว่า 10.00 วินาที เป็นเรื่องที่ยาก แต่ซู ปิ่งเทียน ผู้ได้ฉายาว่า “ชาวเอเชียที่วิ่งเร็วที่สุด” สามารถวิ่งท้าสิ่งที่เรียกว่า “ข้อจำกัดด้านเวลา” ได้ครั้งแล้วครั้งเล่าและเข้าใกล้ทุกที จนประสบผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในวันนี้

การทำลายสถิติของนักกีฬาอาชีพไม่ได้เป็นเรื่องง่าย มีแฟนเน็ตจีนเคยตั้งคำถามบนเว็บไซต์ zhihu แพลต์ฟอร์มอินเตอร์เน็ตแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์และความคิดเห็นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจีนว่า สำหรับการวิ่งระยะสั้น 100 เมตร การปรับสถิติการวิ่งให้สั้นลงได้ 0.1 วินาที ยากขนาดไหน? ซึ่งได้รับความสนใจจากซู ปิ่งเทียน เจ้าตัวออกมาเขียนคำตอบว่า “มันทำได้ยากมากๆ ผลวิ่ง 100 เมตร สั้นลง 0.1 วินาทีถือเป็นผลสำเร็จยอดเยี่ยม เพราะสั้นลง 0.01 วินาทีก็ยากเช่นกัน ผลวิ่งในการแข่งขันระดับประเทศของผมเอง จาก 9.99 วินาทีสู่ 9.91 วินาที ใช้เวลาเกือบ 3 ปี”

อันที่จริง ผลวิ่งของเจ้าลมกรดจีนผู้นี้จากเวลา 10.16 วินาทีที่เป็นสถิติที่ตัวเขาเองสร้างขึ้นเมื่อปี 2011 มาถึงเวลา 9.83 อันเป็นสุดยอดผลงานนักวิ่งคนผิวเหลืองในงานโอลิมปิกโตเกียว ซู ปิ่งเทียนใช้เวลานาน 10 ปี เพื่อทำลายสถิติของตัวเองลง 0.33 วินาที ซู ปิ่งเทียนขยันหมั่นเพียรฝึกซ้อมได้อย่างไรและเสียสละมากแค่ไหน? คำตอบคงต้องอยู่เหนือจินตนาการของคนทั่วไปอย่างพวกเรา

เมื่อเปรียบเทียบกับนักวิ่งรุ่นพี่ฝีมือระดับแชมป์จีนและแชมป์เอเชีย ซึ่งสวนใหญ่เลือกเกษียณตอนอายุ 26 – 28 ปี ซู ปิ่งเทียนซึ่งสร้างผลงานที่ดีที่สุดของตนเองตอนอายุ 32 ปี และตัดสินใจยังไม่จบอาชีพการแข่งขันในปีนี้ เขาต้องพยายามขนาดไหนถึงจะทำได้ สาเหตุสำคัญ 2 ข้อคือ 1.เขายืนหยัดความฝันของตนเอง หมายถึง กลายเป็นคนผิวเหลืองคนแรกที่เข้าถึงรองชิงชนะเลิศรายการวิ่ง 100 เมตรชายของกีฬาโอลิมปิกให้ได้ หากไม่ได้จะไม่เลิก 2.ความมีระเบียบวินัยในตัวเอง หรือระดับการควบคุมตัวเองที่สูงมาก

ในฐานะคนผิวเหลืองคนแรก เขายืนหยัดความฝันของตนเอง จึงไม่ยอมแพ้แม้อายุเลย 30 ปีและอาการเจ็บป่วยที่นักกีฬาอาชีพหนีไม่พ้น จนกว่าได้เปิดหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ที่โอลิมปิกโตเกียว สถิติแห่งเอเชียใหม่ทำให้เจ้าลมกรดคนผิวเหลืองได้รับสมญานามใหม่จากแฟนเน็ตจีนว่า “เทพเจ้าซู” ในวันนี้

แต่ก่อนหน้านี้ ซู ปิ่งเทียนก็เคยเป็นนักกีฬาทั่วไปที่เคยไปถึงเพดานความสามารถส่วนตัว และแทบจะสร้างความก้าวหน้าไม่ได้ หลังจากทำลายสถิติแห่งชาติด้วยผลวิ่ง 10.16 วินาทีเมื่อปี 2011 เขาเดินถึงจุดที่ดูเหมือนเป็นทางตัน และผลงานของเขาในการแข่งขันครั้งสำคัญกลับดิ่งลง หลังแข่งเอเชียเกมส์ 2014 เขาตัดสินไปฝึกซ้อมที่สหรัฐในฤดูหนาวปี 2015 โดยหวังว่าผู้ฝึกสอนชาวอเมริกันที่มีประสบการณ์สร้างนักวิ่งอันดับต้นๆ ของโลกจะสามารถช่วยตนเองให้ก้าวหน้าอีกระดับ

ตอนที่เพิ่งไปถึงสหรัฐฯ ผลวิ่งของซู ปิ่งเทียนอยู่ที่ 10.80 วินาที ช้ากว่าแชมป์หญิงโอลิมปิกด้วยซ้ำ เขารู้สึกสับสนและท้อแท้ชีวิตก็ดูเหมือนยากขึ้นทุกที เขาเคยไตร่ตรองเรื่องเลิกแข่งและเกษียณอาชีพนักวิ่ง เหตุผลแรกเพราะเขาตัวเตี้ยเกินไป ความสูงดีที่สุดสำหรับนักวิ่งระยะสั้นคือ ระหว่าง 180 – 195 เซนติเมตร แต่เขาสูงเพียง 172 เซนติเมตร เตี้ยจริงๆ ยูเซน โบร์ทตัวสูง 196 เซนติเมตรวิ่ง 100 เมตรด้วย 42 ช่องเก้า ขณะที่ซู ปิ่งเทียนต้องใช้ 48 ช่องก้าว นี่ก็คือทำไมช่วงแรกที่เขาทดลองซ้อมวิ่งในโรงเรียนกีฬาของเมืองจงซาน โค้ชปฏิเสธรับเขามาเข้าเรียน เพราะเขาตัวเตี้ยเกินไม่มีอนาคต เหตุผลที่ 2 ก็คือ ใกล้หมดช่วงอายุทองคำสำหรับนักกีฬาอาชีพ ภาวะร่างกายดีที่สุดของนักวิ่งส่วนใหญ่มักจะอยู่ในช่วงก่อนวัย 28 ปี ตอนนั้น ซู ปิ่งเทียนมีอายุเลย 26 ปีแล้ว นักวิ่งรุ่นเดียวกัน รวมทั้งเพื่อนร่วมทีมระดับมณฑลเกษียณเกือบหมดแล้ว ต่อให้ฝืนใจสู้ต่อแต่ก็ยากที่จะสร้างผลงานให้ดีกว่า

Thailand Sport Magazine Sponsored
ผู้สื่อข่าว กีฬา

ข่าวกีฬา นักกีฬา กีฬา ในร่ม indoor outdoor ต้องทำ sport ให้เป็น กีฬา หลักของประเทศ ดูข้อมูล กอล์ฟ บาสเก็ตบอล ฟุตบอล ว่ายน้ำ วอลเล่ย์บอล มวย แข่งรถ แบดมินตัน และ อีสปอร์ต Dedicated to all sport news from Thailand, with news updates, stories and event reports on many different types of sporting activities that the Thailand currently holds, across all of the asia.

This website uses cookies.