จอมกวาดทองซีเกมส์พังสถิติเขย่งก้าวกระโดดมาสเตอร์เกมส์ – สยามกีฬา

“ชาลี” ณัฐพล นามกันหา ดีกรีอดีตทีมชาติไทยเจ้าของ 1 เหรียญทองเอเชียนเกมส์ และ 5 เหรียญทองจากซีเกมส์ 3 สมัยวัย 51 ปี โชว์ลีลาเขย่งก้าวกระโดดลงทรายสุดยอดด้วยระยะ 12.19 เมตร ทำลายสถิติทุกรายการของประเทศไทยในรุ่นอายุ 50-54 ปี ศึกกีฬาอาวุโสนานาชาติ “ไทยแลนด์ โอเพ่น มาสเตอร์เกมส์” ครั้งที่ 2 ที่จ.สงขลา

    การแข่งขันกีฬาอาวุโสนานาชาติ “ไทยแลนด์ โอเพ่น มาสเตอร์เกมส์” ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 8-16 ม.ค.65 ที่จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมามีการชิงชัยทั้งสิ้น 6 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กรีฑา, เกทบอล, ฟุตบอล, บาสเกตบอล, เทนนิส และ เปตอง

    กรีฑา ชิง 110 เหรียญทอง ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ ไฮไลต์อยู่ในรายการ เขย่งก้าวกระโดด ชาย รุ่นอายุ 50-54 ปี ที่ในรอบชิงชนะเลิศมีนักกีฬาผ่านเข้ามาร่วมชิงชัยจำนวน 4 คน โดยผลปรากฎว่าเหรียญทองตกเป็นของตัวเต็งจากสังกัดกรุงเทพมหานครอย่าง “ชาลี” ณัฐพล นามกันหา ดีกรีอดีตทีมชาติไทยเจ้าของ 1 เหรียญทองเอเชียนเกมส์ และ 5 เหรียญทองจากซีเกมส์ 3 สมัยวัย 51 ปี ที่โชว์ลีลากระโดดไกลลงทรายได้อย่างสุดยอดด้วยระยะ 12.19 เมตร ทำลายสถิติทุกรายการของประเทศไทยในรุ่นอายุ 50-54 ปี ซึ่งนี่เป็นเหรียญทองที่ 2 ของ ณัฐพล ในทัวร์นาเมนต์นี้หลังเจ้าตัวเพิ่งคว้าเหรียญทองรายการกระโดดไกลมาได้พร้อมกับการทำลายสถิติของศึกกีฬาแห่งชาติอีกด้วย ส่วนเหรียญเงินตกเป็นของ เสรี พิณเนียม เพื่อนร่วมสังกัดกรุงเทพฯ ทำสถิติ 9.51 ม. และเหรียญทองแดงได้แก่ ครรชิต ยันตศิริ จากสงขลา สถิติ 6.98 ม.

    หลังเกมการแข่งขัน “ชาลี” ณัฐพล นามกันหา สุดยอดนักกระโดดไกลอดีตทีมชาติไทยวัย 51 ปีเผยถึงผลงานส่วนตัวเมื่อครั้งรับใช้ทีมชาติว่า ในสมัยเป็นทีมชาตินั้นประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง ในรายการเอเชียนเกมส์ สามารถคว้าเหรียญทองมาได้ 1 เหรียญในรายการเขย่งก้าวกระโดด ปี 2540 และเหรียญทองกรีฑาชิงแชมป์เอเชียในปีเดียวกัน ส่วนในกีฬาซีเกมส์สามารถคว้าได้ 5 เหรียญทองจากซีเกมส์ 3 สมัยติด โดยในซีเกมส์ปี 2540 กับปี 2542 คว้าได้ครั้งละ 2 เหรียญทองจากรายการกระโดดไกลและเขย่งก้าวกระโดด ส่วนซีเกมส์ในปี 2544 คว้าได้ 1 เหรียญทองจากเขย่งก้าวกระโดด นอกจากนี้ตนยังเป็นเจ้าของสถิติเขย่งก้าวกระโดดประเทศไทยที่ 16.66 ม. ที่ทำไว้ในกีฬากรีฑาชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ที่กรุงเทพฯ เป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2545 ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่มีนักกีฬาเขย่งก้าวกระโดดคนไหนในประเทศไทยลบล้างได้ ซึ่งเคล็ดลับที่ทำให้ตนยังรักษาสภาพร่างกายได้ดีแบบนี้อยู่ก็น่าจะเพราะการที่ยังออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ และเป็นคนที่ไม่ค่อยเครียด ตนก็อยากฝากถึงน้องๆ นักกีฬารุ่นใหม่ให้พยายามตั้งใจฝึกซ้อมมากๆ มีระเบียบวินัย เพราะเดี๋ยวนี้สังคมมันมีสิ่งเร้าเยอะ เรื่องวินัยความตั้งใจในการฝึกซ้อมค่อนข้างที่จะสำคัญมาก รวมทั้งนักกีฬาสูงอายุเองก็เช่นกัน อยากให้หันมาเล่นกีฬากันเยอะๆ ไม่อยากให้ไปกลัวเหนื่อย กลัวเจ็บ หรือขี้เกียจ ทุกอย่างก็เพื่อสุขภาพชีวิตของท่านเอง เมื่อแข็งแรงแล้วเราก็จะได้มีอายุยืนยาวอยู่กับลูกๆ หลานๆ ไปนานๆ ส่วนหลังจากนี้ตนก็จะมีรายการที่รอไปเข้าร่วมคือกรีฑาผู้สูงอายุชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2565 ที่จ.สมุทรสงคราม ในเดือนกุมภาพันธ์

    ส่วนผลกรีฑาอื่นๆ ที่น่าสนใจประจำวัน 4×100 ม. หญิง รุ่น 35-39 ปี ทอง สุราษฎร์ธานี 1.00.89 น., รุ่น 40-44 ปี ทอง 1.00.45 น. (ทำลายสถิติรายการไทยแลนด์โอเพ่นปี 2563 ที่กรุงเทพฯ ทำไว้โดยทีมสงขลาที่ 1.17.38 น.), รุ่น 45-49 ปี ทอง นครศรีธรรมราช 1.00.39 น., รุ่น 50-54 ปี ทอง นครศรีธรรมราช 1.09.16 น. (ทำลายสถิติรายการไทยแลนด์โอเพ่นปี 2563 ที่กรุงเทพฯ ทำไว้โดยทีมสงขลาที่ 1.21.60 น.), รุ่น 60-64 ปี ทอง ชลบุรี 1.06.01 น., รุ่น 65-69 ปี ทอง สงขลา 1.15.79 น., รุ่น 70-74 ปี ทอง กรุงเทพฯ 1.28.54 น., รุ่น 75-79 ปี ทอง อุตรดิตถ์ 1.56.36 น. (ทำลายสถิติรายการไทยแลนด์โอเพ่นปี 2563 ที่กรุงเทพฯ ทำไว้โดยทีมอุตรดิตถ์ที่ 1.57.66 น.), วิ่ง 200 ม. ชาย รุ่น 35-39 ปี ทอง สุรเดช บุญลาภ (นครศรีธรรมราช) 24.66 วิ., รุ่น 40-44 ปี ทอง ปิยะพงษ์ วงศ์ปิยะกุล (กทม.) 24.94 วิ., รุ่น 45-49 ปี ทอง จีระพันธ์ งามพริ้ม (สุราษฎร์ธานี) 27.02 วิ., รุ่น 50-54 ปี ทอง ทัศนัย สโรบล (กทม.) 25.69 วิ., รุ่น 55-59 ปี ทอง อภิชาติ วิชานนะณานนท์ (นครศรีธรรมราช) 27.39 วิ. (ทำลายสถิติรายการไทยแลนด์โอเพ่นที่กรุงเทพฯปี 2563 ที่ สนิท เพ็ญศิริ ทำไว้ที่ 27.43 วิ.), รุ่น 60-64 ปี ทอง วิชาญ คำอาจ (ชลบุรี) 27.45 วิ., รุ่น 65-69 ปี ทอง พรเลิศ อัครปรีดี (นครราชสีมา) 28.62 วิ., รุ่น 70-74 ปี ทอง ภุชงค์ จันทรมณี (นครศรีธรรมราช) 30.48 วิ. (ทำลายสถิติรายการไทยแลนด์โอเพ่นที่กรุงเทพฯที่ สมาน ชายครอง ทำไว้ที่ 10.88 วิ.), รุ่น 75-79 ปี ทอง สมศักดิ์ สาลา (นครศรีธรรมราช) 31.90 วิ. 

    เปตอง ที่มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา ประเภทชูตติ้ง รอบคัดเลือก ทั้งประเภทชายและหญิง จะทำการชิงชัยรอบคัดเลือก 2 รอบ เพื่อคัด 8 นักกีฬาที่ผลงานดีที่สุดของประเภทชายผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ และ 4 นักกีฬาที่ผลงานดีที่สุดของประเภทหญิงเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ โดย 8 นักกีฬาชายที่ฝ่าด่านเข้าสู่รอบก่อนรองฯ ได้จากบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 40 คนประกอบด้วย 1. ผดุงศักดิ์ อาทิเวช 35 คะแนน, 2. เอกณรงค์ วัฒนพฤกษ์ 31 คะแนน, 3. สมพงษ์ พงกลาง 31 คะแนน, 4. ดาหยาด สดิน 31 คะแนน 5. อำมาตย์ สะลิเปน 64 คะแนน, 6. หมีด อาสัน 63 คะแนน, 7. วิสิทธิ์ อ่อนแก้ว 60 คะแนน และ 8. บุญธรรม สุวรรณรัตน์ 60 คะแนน (4 คนแรกเล่นรอบแรกรอบเดียวผ่านอัตโนมัติ ส่วน 4 คนหลังต้องเล่นรอบที่ 2 แล้วนำคะแนน 2 รอบมารวมกัน), 4 นักกีฬาหญิงที่เข้าสู่รอบรองชนะเลิศจากทั้งหมด 7 คนที่เข้าร่วมชิงชัย ประกอบด้วย 1. ธนพร อาทิเวช 24 คะแนน, 2. จรินทร์ หล้าเชียงของ 16 คะแนน, 3. เปรมวดี นวลักษณ์ 46 คะแนน และ 4. ฉวีวรรณ แสงสุวรรณ 42 คะแนน (2 คนแรกเล่นรอบแรกรอบเดียวผ่านอัตโนมัติ ส่วน 2 คนหลังต้องเล่นรอบที่ 2 แล้วนำคะแนน 2 รอบมารวมกัน) โดยการชิงชัยประเภทชูตติ้งของทั้งประเภทชายและหญิงจะแข่งขันต่อในวันถัดไปตั้งแต่เวลา 09.00 น. และจะแข่งรอบชิงชนะเลิศของนักกีฬาหญิงเวลา 10.00 น. รอบชิงชนะเลิศนักกีฬาชาย 11.00 น.

    เทนนิส ชิง 7 ทอง ที่สนามเทนนิสเอซี สปอร์ตเซ็นเตอร์ หาดใหญ่ จ.สงขลา รอบชิงชนะเลิศ ชายเดี่ยว อายุไม่ต่ำกว่า 65 ปี ไพโรจน์ ชั้นเสวีกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาเทนนิสสูงอายุไทย ชนะ พ.ท.เกียรติศักดิ์ สุจริต 8-6 ด้าน ชาตรี มหัทธนาดุลย์ ลงแข่ง 2 รุ่น คว้า 2 แชมป์คนเดียว โดย ชายเดี่ยวอายุไม่ต่ำกว่า 50 ปี ชนะ ธีรวุฒิ บุญประสม 8-2 ชายเดี่ยวอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี ชนะ ณธพล ทองธนภัทร 8-4 ส่วนผลอื่นๆ ชายเดี่ยวอายุไม่ต่ำกว่า 70 ปี นิธิ นาคะธีรานนท์ ชนะ พล.ร.ต.อนุกร เอกะสิงห์ 8-5 ชายเดี่ยว อายุไม่ต่ำกว่า 60 ปี วัชรินทร์ ผ่องมหึงษ์ ชนะ สุเทพ แท่นทอง 8-3 ชายเดี่ยวอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี พนัส ปัทมวรคุณ ชนะ เรวัตร คงผาสุข 8-3 ชายเดี่ยวอายุไม่ต่ำกว่า 45 ปี สิริมงคล เกตภัทร ชนะ วัชรพงศ์ ราชพงศ์ 8-4