“คีริน”ทำลายสถิติวิ่งของไทยในรอบ 14 ปี เป้าต่อไปลุ้นโควตาไป อลป.

สร้างชื่ออีกคร้ัง! คีริน ตันติเวทย์ นักวิ่งลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ดีกรีเหรียญทองซีเกมส์ สร้างสถิติใหม่ในวิ่ง 3,000 เมตรของทีมชาติไทย ที่ในรอบ 14 ปี ไม่ใครทำลายได้ ในการแข่งขันวิ่งอาชีพที่สหรัฐอเมริกา ตั้งเป้าลุ้นโควตาไปโอลิมปิกต่อไป

หลังจากที่ คีริน ตันติเวทย์ นักวิ่งลูกครึ่งไทย-อเมริกันสร้างชื่อเสียงในการวิ่งระยะกลางด้วยการ 2 คว้าเหรียญทองซีเกมส์ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ก่อนเดินทางกลับไปศึกษาต่อจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่ มหาวิทยาลัยฮาร์วาดร์ด ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และยังได้เข้าเป็นนักกีฬาวิ่ง กับจากทีม โบเวอร์แมน แทร็ก คลับ ที่การวิ่งอาชีพอีกด้วย

ล่าสุด คีริน ตันติเวทย์ ลงแข่งขันในรายการ พริคลีย์ เพียร์ อินวิเตชั่น ในอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ในระยะ 3,000 เมตร ให้ทีมโบเวอร์แมน แทร็ก คลับ ซึ่งเขาทำเวลาไป 7.48.24 นาที เข้าในอันดับที่ 9 ของการแข่งขัน โดยสถิติดังกล่าวนับเป็นสถิติที่ดีที่สุดของตัวเขาเอง แถมยังเป็นการทำลายสถิติวิ่งระยะ 3,000 เมตร ของประเทศไทย ที่มี บุญถึง ศรีสังข์ นักวิ่งทีมชาติไทย เคยทำเวลาไว้ 8.17.89 นาที เมื่อปี 2007 ซึ่ง คีริน วิ่งเร็วกว่าถึง 29.65 วินาที

ทาง พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล หัวหน้าผู้ฝึกสอนกรีฑาทีมชาติไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทาง สมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทยฯ ได้ติดต่อกับทางครอบครัวของ คีริน ตลอดเพื่ออัพเดทการฝึกซ้อมและสถิติต่างๆ ซึ่งการที่ คีริน ได้เข้าร่วมกับทีมโบเวอร์แมน แทร็กคลับ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะในทีมมีนักวิ่งระดับโลกอยู่ด้วย ซึ่งจะทำให้การวิ่งของคีริน พัฒนาขึ้นด้วย

• คีริน นักวิ่งลูกครึ่งไทยทำลายสถิติวิ่ง1ไมล์ของปี 2020
• ทรหดแถมเร็ว คีริน ตันติเวทย์ ซิวเหรียญทองที่สองของตัวเองให้ไทย
• “คีริน-กรีฑา”ดราม่าซีเกมส์

หลังจากที่ได้คุยกับทาง ดร.วรเวช ตันติเวทย์ คุณพ่อของคีริน ทำให้ทราบว่า เขาไปซ้อมที่ แฟล็กสตาฟฟ์ อริโซน่า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอากาศเบาบาง เพื่อเสริมสภาพร่างกาย และทางทีมโบเวอร์แมน แทร็กคลับ ได้วิเคราะห์ความสามารถและความเหมาะสมของ คีริน แล้ว คิดว่า ระยะการวิ่งที่เหมาะกับเขาคือ ระยะ 5,000 เมตร กับ 10,000 เมตร ทำให้ คีริน เลือกที่จะลุ้นโควตาไปกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ในการวิ่ง ระยะ 5,000 เมตร ส่วนการแข่งขันระยะ 3,000 เมตร ซึ่งสถิติออกมาดีนั้นเป็นขั้นตอนการฝึกซ้อมเพื่อยกระดับและพัฒนาตัวเองต่อไป พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล กล่าวตอนท้าย