วิ่งผ่าเมือง – เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ต้อนรับ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายสุชาติ แจสุรภาพ ผู้แทนสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ, นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยแลนด์ไตรลีก และคณะทำงาน เพื่อร่วมหารือถึงความร่วมมือในการจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่จัดขึ้นในเมืองหลวง และได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกจากสมาคมกรีฑาโลกเพื่อหนึ่งเดียว รายการ “วิ่งผ่าเมือง” Amazing Thailand Marathon Bangkok ที่ห้องประชุมอัมรินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
หลังการประชุม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า การแข่งขันวิ่งมาราธอน รายการ “วิ่งผ่าเมือง” Amazing Thailand Marathon Bangkok ถือเป็นรายการสำคัญของกรุงเทพมหานคร เราได้หารือกันว่าจะทำอย่างไรให้การแข่งขันรายการนี้มีความยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม มีความเป็นสากล อย่างรายการเมเจอร์โลก ที่จัดขึ้นใจเมืองหลวง อาทิ โตเกียวมาราธอน ลอนดอนมาราธอน หรือ เบอร์ลินมาราธอน มิติหนึ่งในด้านการท่องเที่ยวเป็นรายการที่มุ่งมั่นที่จะดึงนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพเข้าประเทศได้เป็นจำนวนมาก
ทางด้าน นายสุชาติ แจสุรภาพ ผู้บริหารสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปุมภ์ มาร่วมประชุมในฐานะผู้แทนสมาคมกรีฑาโลก หรือ World Athletics เปิดเผยว่า “จากความสำเร็จของสมาคมกีฬากรีฑาฯ ที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน วิ่งเทรลภูเขาชิงแชมป์โลก ที่เชียงใหม่ และการจัดประชุมกรีฑาโลก เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้สมาคมกรีฑาโลกส่งสัญญาณมาถึงตนว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการจัดงานระดับโลก และมีความพร้อมเป็นอย่างมาก ดังนั้น อยากให้สมาคมฯ หารือกับ ททท. กรุงเทพมหานคร และผู้จัดไทยแลนด์ไตรลีก เพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมาราธอนชิงแชมป์โลก ในปี 2025-2026 หรือ อีก 3 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งกรุงเทพมหานคร มีโอกาสสูงที่จะได้รับสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ในที่ประชุมทุกฝ่ายเห็นด้วยที่จะเสนอตัวการจัดมาราธอนชิงแชมป์โลก ซึ่งตนจะแจ้งให้สมาคมกรีฑาโลกทราบในลำดับต่อไป
อนึ่ง การแข่งขันมาราธอนส่งเสริมการท่องเที่ยว รายการ Amazing Thailand Marathon Bangkok กำหนดจัดขึ้นในทุกๆ ปี โดยปรับวันแข่งขันใหม่ จากเดิมจะจัดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่ประสบปัญหาด้านฝุ่น PM2.5 ในทุกๆ ปี จึงได้พิจารณาเปลี่ยน มาจัดในสัปดาห์แรกเดือนธันวาคม ซึ่งครั้งหน้ากำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม 2566 โดยคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ต้องเป้าหมายว่า จะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันไม่น้อยกว่า 28,000 คน เป็นนักวิ่งชาวไทย 23,000 คน และชาวต่างชาติ 5,000 คน ก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท และมีการจ้างงานในช่วงแข่งขัน ไม่น้อยกว่า 6,000 อัตรา ศึกษารายละเอียดของงานได้ทาง www.amazingthailandmarathon2023.com