เผยแพร่: ปรับปรุง:
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 – ในวัยเด็กหลายคนคงจะมีตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบ และมักจะเลียนแบบตัวละครเหล่านั้นเพื่อความสนุกและความบันเทิง ทว่า “เอแคร์” ชญานุศภัฒค์ ชินนะเกิดโชค นักกีฬาฟันดาบวัย 15 ปี ใช้ตัวละครนั้นเป็นแรงบันดาลใจในการตามหาความฝัน จนสามารถขึ้นมายึดเบอร์ 1 ทีมชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์มากมายให้กับวงการฟันดาบไทย จนทุกสายตาต้องจับจ้อง
“เอแคร์” เกิดและโตในครอบครัวนักกีฬา คุณพ่อเป็นอดีตนักกีฬาเทควันโดและฟุตบอล ส่วนคุณแม่เคยเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล เธอเริ่มเล่นกีฬาตั้งแต่ 4 ขวบ เป็นนักกีฬาเทควันโด แชมป์ประเทศไทย จากนั้นก็เป็นนักกรีฑาของโรงเรียน เป็นเจ้าของสถิติวิ่งระดับจังหวัด
“ตอนเด็กพ่อให้พี่ชายไปเรียนกีฬาเทควันโด หนูก็เลยได้ไปเล่นด้วย ตอนอายุได้ 4 ขวบ ก่อนจะมาได้แชมป์ประเทศไทยครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ แล้วก็ได้รองแชมป์ประเทศไทยอีก 3 ครั้ง จากนั้นตอน 8 ขวบ หนูก็เป็นนักกรีฑาของตัวโรงเรียนโดยบังเอิญ ด้วยความที่มีพื้นฐานทักษะด้านกีฬา เลยวิ่งทดสอบเวลาได้ที่ 1 กลายเป็นตัวแทนโรงเรียน ไปแข่งวิ่งรายการต่างๆ เข้าร่วมชิงแชมป์ภายในจังหวัด และเป็นเจ้าของสถิติวิ่ง 100 เมตร รุ่นอายุ 10 ปี ของจังหวัดสมุทรปราการ”
ในวัย 10 ขวบ เจ้าตัวได้รู้จัก “การ์ตูนบาร์บี้” เรื่องบาร์บี้กับสามทหารเสือ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเข้าหญิงที่มีความสามารถในการฟันดาบ จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่กีฬาชนิดนี้อย่างเต็มตัว
“หนูดูการ์ตูนเรื่องบาร์บี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงฟันดาบ เห็นแล้วชอบมากดูเท่ ก็เลยถามคุณพ่อว่าในโลกนี้มีกีฬาฟันดาบไหม หลังจากนั้นพ่อก็พาไปเรียนกับชมรมฟันดาบค่ายสมอทอง ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนได้เจอกับอีกโลกใบหนึ่ง คือหนูเล่นกีฬาต่าง ๆ มาก่อนหน้านี้ เหมือนเป็นสิ่งที่พ่อ-แม่เลือกให้ แต่ฟันดายคือกีฬาที่เลือกเอง ได้จับดาบแล้วรู้สึกสนุกมาก ซ้อมได้แค่ 2 อาทิตย์หนูก็ไปแข่งแล้ว”
ทันทีที่เธอจับดาบลงแข่งรายการแรก ในศึกยุวชนชิงแชมป์ประเทศไทย เธอก็คว้าดับเบิ้ลแชมป์ในรุ่นอายุไม่เกิน 10 และ 12 ปี ถัดมาไม่ถึงเดือนก็ข้ามรุ่นลงแข่งระดับประชาชน ไปชนนักกีฬาทีมชาติถึง 3 คน ได้แก่ นันทา จันทสุวรรณสิน, พลอยไพลิน ทองจำปา และ กรณิการ์ สิริพราหมณกุล แม้จะตกรอบแรก แต่พื้นฐานจากกีฬาเทควันโด ทำให้หนูน้อยมีฟุตเวิร์กที่เป็กเอกลักษณ์ รวมถึงวิธีการเข้าทำที่รวดเร็ว แข็งแรง ไปเข้าตา นันทา จันทสุวรรณสิน มือ 1 ดาบฟอยล์ทีมชาติไทยในขณะนั้น รับมาเป็นลูกศิษย์ทันที
หลังจากนั้น “เอแคร์” ก็เดินหน้าคว้าความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงสนับสนุนของครอบครัวที่ผลักดันให้ลูกสาวไปแข่งขันรายการต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมักจะเจอคู่แข่งที่อายุมากกว่าเสมอ แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคของเธอเลย กระทั่งปี 2016 “ชญานุศภัฒค์” ในวัย 11 ปี สร้างเซอร์ไพร์สเอาชนะนักกีฬาเยาวชนทีมชาติไทย ในการแข่งขันเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ทำให้สมาคมกีฬาฟันดาบแห่งประเทศไทยชักชวนให้เข้ามาซ้อมกับร่วมกับทีมชาติไทยเป็นกรณีพิเศษ
ในปี 2017 “เอแคร์” มีโอกาสได้ไปแข่งเยาวชนชิงแชมป์โลก 2017 ปรากฏว่าสามารถคว้าเหรียญทองแดงในรุ่น 12 ปี สร้างความฮือฮาให้กับโค้ชและนักกีฬาต่างชาติอย่างมาก เนื่องจากไม่มีใครเคยรู้จักกีฬาฟันดาบสากลไทยมาก่อน นอกจากนั้นยังได้รับเลือกจากสหพันธ์ฟันดาบเอเชีย ให้เป็น 1 ใน 5 ดาวรุ่งจากเอเชีย ในเข้าร่วมฝึกซ้อมกับเยาวชนจากทั่วโลกที่ประเทศโปแลนด์
สาวน้อยรายนี้เดินหน้าคว้าแชมป์ประเทศไทยมาหมดแล้วทุกระดับ เมื่อเธออายุได้ 14 ตามเกณฑ์ของสหพันธ์ฟันดาบสากล สมาคมฯ ก็ดันเด็กคนนี้ขึ้นทีมชาติชุดใหญ่ทันที อีกทั้งยังเป็นกำลังสำคัญพาทีมฟันดาบไทยคว้าเหรียญทองแดงประเภทดาบฟอยล์ในซีเกมส์ 2019 ที่ฟิลิปปินส์ ทำให้เอแคร์กลายเป็นมือ 1 ทุกรุ่นอายุ รวมถึงแชมป์รุ่นทั่วไปปราบรุ่นพี่ทีมชาติมาแล้วเกือบหมดทุกคน เหลือแต่เพียง นันทา จันทสุวรรณสิน โค้ชของเธอเพียงคนเดียวที่ยังเอาชนะไม่ได้
หลังจากนี้ ชญานุศภัฒค์ ชินนะเกิดโชค จะเตรียมนำทีมนักกีฬาฟันดาบไทยลงแข่งขันซีเกมส์ 2021 ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะเลื่อนไปแข่งขันในปีหน้า รวมทั้งชิงแชมป์เอเชีย ในเดือนกุมภาพันธ์ และเอเชี่ยนเกมส์ ที่หางโจว ประเทศจีน อีกด้วย โดยเธอตั้งเป้าไว้ว่จะไปแข่งขันโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ให้จงได้ แม้จะต้องเผชิญหน้าคู่แข่งจากรัสเซียกับอิตาลีที่มีชื่อเสียงในกีฬาชนิดนี้ แต่ก็ถือเป็นความท้าทายอีกหนึ่งขั้นที่รอให้หนูน้อยคนนี้ได้พิสูจน์ตัวเอง
ชมคลิป