ภาวะเศรษฐกิจไทยซึมยาวจากวิกฤติโควิด-19 ระบาดหนักหลายระลอกนับจากปี 2563 กระทบกำลังซื้อ! และแนวโน้มการบริโภคทุก ๆ สินค้าและบริการที่ยังระมัดระวังการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เสนาฯต้องปรับแผน “เร็ว” ตลอดเวลาสอดรับสถานการณ์นั้นๆ ให้มากที่สุด
ภาวะเศรษฐกิจไทยซึมยาวจากวิกฤติโควิด-19 ระบาดหนักหลายระลอกนับจากปี 2563 กระทบกำลังซื้อ! และแนวโน้มการบริโภคทุก ๆ สินค้าและบริการที่ยังระมัดระวังการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เสนาฯต้องปรับแผน “เร็ว” ตลอดเวลาสอดรับสถานการณ์นั้นๆ ให้มากที่สุด
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงเทพธุรกิจ ” ว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวคืนกลับมา กำลังซื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคมีหนี้สินมากขึ้นทำให้ดีมานด์หดตัวลง!
อย่างไรก็ตาม หากเจาะพฤติกรรมหรือความต้องการที่อยู่อาศัย ทั้ง “บ้าน” และ “คอนโดมิเนียม” พบเทรนด์ที่อยู่อาศัยมีขนาดใหญ่ขึ้น ใกล้เมือง ดังนั้น เสนาฯ ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ให้เหมาะสมกับกำลังซื้อ สร้างโอกาสใหม่ ๆ
“อสังหาฯ เป็นธุรกิจที่ดีมานด์ปรับตัวไวมาก ขณะที่ซัพพลายปรับตัวโตช้า เนื่องจากกระบวนการทำงานมีขั้นตอน ต้องใช้เวลา ในฐานะผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องปรับตัว และเฝ้าระวังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด พร้อมเดินหน้าบุกตลาดอย่างต่อเนื่องไม่ว่าเป็นการซื้อที่ดิน ซื้อโครงการ เพราะช่วงเวลานี้เจ้าของที่ดิน หรือเจ้าของโครงการรู้สึกไม่อยากทำต่อแล้ว จากที่ส่วนหนึ่งโดดเข้ามาทำเพราะมีที่ดินอยู่ ลองทำคอนโดมิเนียม ซึ่งมีจำนวนมาก แต่พอเกิดสถานการณ์แบบนี้การดำเนินการต่อไปค่อนข้างลำบาก”
ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเข้าซื้อโครงการคอนโดมิเนียมสร้างค้าง! ติดถนนรัตนาธิเบศร์ แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งเจ้าของไม่ทำต่อ เพื่อนำมาปรับปรุงและดีไซน์โครงการคอนโดมิเนียมใหม่ภายใต้แบรนด์ สแลส (Slash) ที่มีระดับราคาเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท
“พื้นที่แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง เริ่มกลับมา เพราะดีเวลลอปเปอร์เข้ามาทำน้อยลง เป็นทำเลที่รถไฟฟ้าสายสีชมพูกับสีม่วงมาชนกัน และมีห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าด้วย ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค”
ทั้งนี้ ในฐานะดีเวลอปเปอร์ มีความต้องการสินค้า ทั้งรูปแบบของที่ดิน และโครงการ เพื่อนำไปพัฒนาโครงการต่อ จึงเป็นโอกาสที่เข้าไป “ซื้อ” เพื่อต่อยอดธุรกิจได้เร็วขึ้น ซึ่งดูไว้หลายทำเล หลายแห่ง
ทุกทำเล ทำได้หมด! ขอให้ทำเลนั้นมีคนอยู่ เดินทางสะดวก ขึ้นอยู่ที่ราคาว่าจะสามารถตกลงกันได้ลงตัวไหม ซึ่งมีคนติดต่อมาเรื่อย ๆ โดยเน้นโลคัลดีมานด์เป็นหลัก
พร้อมกันนี้ เสนาฯ ยังสนใจที่ทำ “เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ให้เช่า”เพื่อให้มีรายได้เข้ามาสร้างการรับรู้รายได้ประจำ (Recurring Income) ในอนาคต
การพลิกเกมของเสนาฯ เกษรา ย้ำว่า “ที่ผ่านมาไม่เคยตัดสินใจทำอะไรที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อน แต่เวลานี้ต้องตัดสินใจเข้าซื้อ (โครงการ) เร็วมาก เพราะราคาซื้อขายช่วงนี้เป็นราคาที่ดีและเป็นการซื้อโอกาสในอนาคต แต่ก็ต้องดูดีลที่เหมาะสม และการทำราคาออกมาช่วง 1-2 ปี จากนี้เงินในกระเป๋าของคนบางลง เราต้องทำสินค้าในราคาที่เหมาะกับกำลังซื้อ”
ล่าสุดเสนาฯ แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อการเข้าลงทุนใน บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด ในสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วของ บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด ในมูลค่าเงินลงทุนรวม 385 ล้านบาท ทำให้ บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของเสนาฯ
บริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด ประกอบกิจการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ในรูปแบบคอนโดมิเนียม โลว์ไรส์ 1 โครงการ “ไฮป์ สาทร-ธนบุรี” ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ มีขนาด 8 ชั้น 5 อาคาร 914 ยูนิต บนที่ดินประมาณ 7 ไร่
พร้อมกันนี้ เสนาฯ เตรียมรีโพซิชั่นนิ่งแบรนด์! ยกตัวอย่าง โครงการปีติ เอกมัย ราคาเริ่มต้น 4.45 ล้านบาท ปรับมาเป็นโครงการนิช ไพรด์ ที่มีโครงสร้างราคาตั้งแต่ 3.9 ล้านบาท ส่วนโครงการ “เสนา-อาศุ พระราม9 ” จะปรับคอนเซปต์จากเดิม แซงชัวรี่ (Sanctuary) มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ปรับให้เป็นโครงการนิชโมโน ที่มีราคาเริ่มต้น 1.7 ล้านบาท
“ต้องยอมรับว่า เราดูตลาดผิด! เพราะคาดหวังว่าโซนพระราม 9 คนต้องการบ้านที่เติมเต็มการใช้ชีวิตที่มีห้องขนาดใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบ แต่ราคาสูงเกินไปสำหรับลูกค้าเลยไม่รู้สึกแซงชัวรี่ จึงปรับคอนเซปต์ให้เป็น นิชโมโน แทน ด้วยสนนราคาเริ่มต้น 1.7 ล้านบาท”
ทำตลาดยุคนี้ไม่ยึดติด เรียกว่าทำไป ปรับไป! รองรับความต้องการให้ได้มากที่สุด