ผู้ว่าฯศรีสะเกษ ประกาศห้ามออกนอกเคหะสถาน 5ทุ่ม-ตี4 หลังผู้ป่วยโควิด-19 สะสมพุ่ง 220 รายพร้อมสั่งปิดสถานที่เสี่ยง ยกระดับคุมเข้มผู้เดินทางมาจังหวัดฯแดงต้องกักตัว 14 วันทุกคน ตั้งแต่วันที่ 9-22 พ.ค. 2564 นี้
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2564 นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ เดือนเมษายน ของจ.ศรีสะเกษ ล่าสุดวันนี้พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มอีกจำนวน 11 ราย รวมผู้ป่วยสะสม จำนวน 220 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว จำนวน 98 ราย และมีผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จำนวน 122 ราย
จากจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในพื้นที่มีเกิดกลุ่มคลัสเตอร์และเกิดการระบาดไปในหลายพื้นที่อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเพื่อยกระดับการป้องกันและระงับยับยั้งการระบาดของโรคมิให้แพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง และควบคุมสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้ออกประกาศคำสั่งจังหวัดศรีสะเกษ ฉบับที่ 17
โดยระบุว่า ขอความร่วมมือประชาชนในจ.ศรีสะเกษ ทุกคนงดเดินทางออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 23.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. ของวันถัดไป เว้นแต่มีเหตุจำเป็นที่ต้องประกอบอาชีพหรือมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่งอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้
พร้อมสั่งปิดสถานที่เสี่ยงเป็นการชั่วคราว ได้แก่ โต๊ะสนุกเกอร์ และสวนน้ำ สระว่ายน้ำที่เปิดให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสระว่ายน้ำกลางในหมู่บ้านจัดสรร ตั้งแต่วันที่ 9-22 พ.ค. 2564 นี้
นายวัฒนา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้แจ้งให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาใน จ.ศรีสะเกษ ต้องปฏิบัติตามมาตรการดังนี้ 1.ผู้ที่เดินทางเข้าพื้นที่ จ.ศรีสะเกษทุกราย ต้องไปรายงานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข/ อสม. /ผู้นำในชุมชนพื้นที่ทันทีที่เดินทางถึง เพื่อลงทะเบียนและคัดกรองประวัติการเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง
2.ผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด ขอให้กักตัวที่บ้าน/ที่พักอาศัยเป็นเวลา 14 วัน หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย
3.ผู้ที่เดินทางมาจาก 26 จังหวัดพื้นที่ควบคุม หากมีประวัติเสี่ยงต้องกักตัวที่บ้าน/ที่พักอาศัย เป็นเวลา 14 วัน
4.ผู้ที่กักตัวที่บ้าน/ที่พักอาศัยทุกราย ต้องได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และฝ้าระวังสังเกตอาการ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข /อสม. ทุกวัน จนครบ 14 วัน ขอให้งดเดินทางไปในสถานที่ชุมชน งานบุญ งานประเพณี งานต่างงาน ฯลฯ ตลอดระยะเวลาที่กักตัว
5.ขอให้สังเกตอาการผิดปกติ หากมีไข้ และอาการทางเดินหายใจ จมูกไม่มีกลิ่น ลิ้นไม่ได้รส ให้รีบไปพบแพทย์และขอให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หมั่นล้างมือ แยกห้องนอน ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และใช้แอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ”
หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2548 หรือ ตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ