สมอ.เรียก 40 ผู้ประกอบการคุมเข้มท่อพีวีซีน้ำดื่มต้องเป็นสีฟ้าเท่านั้น ห้ามท่อประเภทอื่นผลิตสีเดียวกัน หากพบสั่งยึดทันที หวั่นประชาชนเข้าใจผิด ดื่มน้ำผสมโลหะหนักปนเปื้อน จ่อคุมส่วนประกอบอีก 3 รายการเพิ่มทั้งข้อต่อ แหวนยาง น้ำยา
นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า วันที่ 8 มิ.ย.นี้เตรียมเชิญผู้ผลิตท่อพีวีซีกว่า 40 ราย มาหารือทำความเข้าใจให้ตรงกัน หากจะผลิตท่อพีวีซีแข็งสีฟ้าต้องเป็นไปตามมาตรฐานท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่ม มอก.17-2561 เท่านั้น ฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ส่วนท่อพีวีซีสีอื่นๆ ไม่ได้อยู่ในข่ายสินค้าที่ สมอ.ควบคุม เนื่องจากมีผู้ผลิตท่อพีวีซีบางรายผลิตท่อประเภทอื่นเป็นสีฟ้า ซึ่งไม่มีการตรวจสอบเรื่องสารพิษ หรือโลหะหนักที่จะละลายปะปนออกมากับน้ำเหมือนกับท่อพีวีซีสำหรับน้ำดื่ม อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนซื้อมาใช้เป็นท่อน้ำดื่มได้ ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
นอกจากนี้ยังเตรียมประกาศให้สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่มอีก 3 รายการ ได้แก่ ข้อต่อท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้กับท่อรับความดัน มอก.1131-2535 แหวนยางสำหรับท่อน้ำ มอก.237-2564 และน้ำยาประสานท่อพีวีซีแข็งและข้อต่อท่อพีวีซีแข็ง มอก.1032-2534 เป็นสินค้าควบคุมอีกด้วย เนื่องจากมีการใช้งานร่วมกันหากไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอาจมีสารที่เป็นพิษละลายปะปนมากับน้ำดื่มได้ คาดว่าจะประกาศเป็นสินค้าควบคุมได้ภายในปีนี้
“หากจะนำท่อพีวีซีแข็งไปใช้เป็นท่อน้ำดื่ม ให้ตรวจสอบด้วยการสังเกตสีของท่อต้องเป็นสีฟ้า และมีเครื่องหมายมาตรฐานรับรอง” นายบรรจงกล่าว
ส่วนท่อพีวีซีประเภทอื่น ได้แก่ ท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้งานอุตสาหกรรม มอก.999-2533 ใช้สีเทา ใช้เป็นท่อน้ำทิ้ง หรืออื่นๆ ท่อพีวีซีแข็งสำหรับใช้ร้อยสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์ มอก.216-2524 ใช้สีเหลือง ใช้เป็นท่อร้อยสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์ ส่วนท่อพีวีซีแข็งสีฟ้าสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดื่มที่ได้มาตรฐาน มอก.นั้น จะมีคุณสมบัติทนการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ไม่มีรอยรั่ว รอยร้าว บริเวณหัวต่อต้องไม่มีรอยรั่วซึม และต้องผ่านการทดสอบสารละลายที่ปนเปื้อนมากับน้ำ อาทิ ปรอท ตะกั่ว สารหนู ซีลีเนียม โครเมียม ไซยาไนด์ แคดเมียม และแบเรียม ต้องไม่เกินเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนด เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อร่างกายของผู้บริโภค ส่วนเนื้อท่อต้องไม่มีตะกั่วหรือแคดเมียม หรือหากมีการปนเปื้อนของวัตถุดิบก็จะต้องไม่เกินเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนด คือตะกั่วต้องไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และแคดเมียมต้องไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่